วันศุกร์ ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567 21:22 น.

การเมือง

ครม.เห็นชอบวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์แล้ว

วันอังคาร ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 15.21 น.

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติครม.ว่า ครม.มีมติอนุมัติวันหยุดเชยสงกรานต์โดยครม.เห็นชอบวันจันทร์ที่ 27 ก.ค.2563 เป็นวันหยุดราชการชดเชยสงกรานต์เป็นเวลา 1 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ครม.มีมติเลื่อนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว มีการดำเนินกิจการกิจกรรมได้มากขึ้น
          
การกำหนดวันหยุดนี้จะทำให้มีวันหยุดในช่วงดังกล่าวต่อเนื่อง 4 วัน คือวันที่ 25-28 กรกฎาคม และครม.มอบหมายให้หัวหน้างานพิจารณาความเหมาะสม ด้านการบริหารราชการไม่ให้ติดขัด เสียหายหรือเกิดผลกระทบต่อการให้บริการกับประชาชน ส่วนรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดวันหยุดให้สอดคล้องกับการพิจารณาของครม.          

ขณะเดียวกัน ครม.เห็นชอบ ขยายการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ออกไปอีก 1 เดือน คือ จะสิ้นสุดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 มติการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อเป็นการรองรับการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 ซึ่งมีแต่กิจการ-กิจกรรม ที่มีความเสี่ยง เช่น ผับ บาร์ อาบอบนวด รวมถึงให้แต่ละกระทรวงบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพในการรับมือควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งการควบคุมการเดินทางเข้า-ออก โดยไม่ได้มีประโยชน์อื่นใดแอบแฝง

รับทราบ เปิดเรียน-สอนผ่านระบบออนไลน์  

นางนฤมล   แถลงต่อว่า ครม.รับทราบการเปิดภาคเรียนของโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้รายงานว่า ทาง กสทช.ได้จัดสรรค์กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัลจำนวน 1,158,931 กล่อง เพื่อสนับสนุนการเปิดภาคเรียน โดยแนวทางในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เน้นเรื่องของความปลอดภัยของนักเรียน ผู้ปกครอง และบุคลากรที่เกี่ยวข้องในห้วงการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 จึงได้มีระบบการเรียนการส่อนผ่านระบบดิจิทัล โดย กสทช. จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย สนับสนุนกล่องดิจิทัลเพื่อการศึกษา โดยจัดสรรค์ให้กระทรวงศึกษาฯจำนวน 1,030,798 กล่อง และให้กระทรวงมหาดไทยจำนวน 137,867 กล่อง
นอกจากนี้ ยังมีอีก 266 กล่อง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนผ่านระบบดิจิทัล สำหรับแนวทางการแก้ไขผลการเรียน และการอนุมัติการจบการศึกษาปี 62 หลังวันที่ 15 พฤษภาคม 63 นั้น ให้ช่วงวันที่ 16-30 มิถุนายน ให้ถือเป็นการอนุมัติให้จบการศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ของปี 62 โดยไม่ขับกับระเบียบของกระทรวงศึกษา ซึ่ง ครม. เห็นชอบ ทั้งนี้ ในกรณีที่นักเรียนเรียนที่บ้านมอบให้โรงเรียนจ่ายเงินสดให้ผู้ปกครองนักเรียนสำหรับค่าอาหาร
          
รวมทั้ง ให้โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ที่จัดการศึกษาให้นักเรียนที่มีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ 12 แห่ง สามารถกำหนดรูปแบบวิธีการ ในการจ่ายค่าอาหาร อาหารเสริม ให้นักเรียนที่เรียนผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไปด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการอุดหนุนการจัดเรียนการสอบแบบผสมผสาน เช่น ค่าอุปกรณ์การเรียนการสอนออนไลน์ ค่าเช่าสัญญาณอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรงเรียน โดยที่โรงเรียนสามารถเลือกรูปแบบการเรียนการสอบแบบเรียนในคราส ออนแอร์ หรือออนไลน์ได้

อนุมัติเงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง  
          
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวแก่กลุ่มเปราะบาง เดือนละ 1,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตามการเสนอของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่ม คือ 1.เด็กเล็ก ตั้งแต่แรกเกิด - 6 ปี ในครอบครัวที่มีรายได้น้อย 2.ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ได้รับสิทธิในเบี้ยผู้สูงอายุ 3.ผู้พิการ ที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้พิการ โดยกลุ่มที่ 2-3 จะต้องไม่เคยได้รับเงินเยียวยาเดือนละ 5,000 บาทจากรัฐบาลมาก่อน
          
ทั้งนี้ เดิมได้มีการอนุมัติจ่ายเงินเยียวยาเดือนละ 1,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน (พ.ค.-ก.ค.63) ให้แก่กลุ่มเปราะบางดังกล่าว แต่เนื่องจากติดปัญหาในส่วนของระเบียบกรมบัญชีกลาง จึงทำให้ยังไม่สามารถโอนเงินช่วยเหลือให้ได้ในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นจึงได้มีการปรับเปลี่ยนช่วงการจ่ายเงินเยียวยาใหม่เป็นสิ้นเดือน ก.ค.63 โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีรวมกันในครั้งเดียว 3,000 บาท จากเดิมที่จะโอนให้ในเดือนมิ.ย. 2,000 บาท และเดือน ก.ค.อีก 1,000 บาท

 ให้เปิดลงทะเบียน"เที่ยวปันสุข"ใช้สิทธิ 15 ก.ค.

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณ 22,400 ล้านบาทให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมภาคการท่องเที่ยวจำนวน 2 โครงการ คือ
          
1.โครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ที่เป็นรวมโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน"กับโครงการ "เที่ยวปันสุข" มาไว้ด้วยกัน โดยจะมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเกี่ยวกับเงินช่วยเหลือค่าเดินทาง จะให้เฉพาะค่าตั๋วเครื่องบินเพียงอย่างเดียว ส่วนค่ารถโดยสารประจำทางนั้นเนื่องจากจะมีผู้ประกอบการให้บริการรถร่วมที่เป็นรถโดยสารไม่ประจำทางและรถเช่าเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถจัดทำแพลตฟอร์มที่จะตรวจสอบได้ทัน
          
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยจะจัดทำแพลตฟอร์มให้ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร โฮมสเตย์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงทะเบียนได้ในวันที่ 1ก.ค.นี้ ส่วนประชาชนจะสามารถลงทะเบียนขอใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.63 ทางแอพพลิเคชั่น"เป๋าตัง" โดยเข้าไปกรอกข้อมูลส่วนบุคคลก่อน เมื่อได้สิทธิแล้วจึงเข้าไปลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
          
สำหรับการช่วยเหลือค่าที่พักนั้น รัฐบาลจะโอนเงินค่าที่พักให้ผู้ประกอบการในอัตรา 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน โดยแต่ละคนจะได้รับสิทธิจองห้องพักไม่เกิน 5 คืน ส่วนค่าอาหารและเข้าชมสถานที่ รัฐบาลจะสนับสนุนในอัตรา 40% แต่ไม่เกิน 600 บาท/ห้อง/คืน ค่าตั๋วเครื่องบินจะสนับสนุน 2,000 บาท/คน จำกัดจำนวน 2 ล้านใบ โดยผู้ได้รับสิทธิจะต้องสำรองจ่ายไปก่อน รัฐบาลจะจ่ายคืนให้ในอัตรา 40% ตั๋วไป-กลับช่วยไม่เกิน 1,000 บาท/ที่นั่ง
          
2.โครงการ"กำลังใจ"สำหรับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 1.2 ล้านคนผ่านบริษัทท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 2 วัน 1 คืน โดยสาธารณสุขจังหวัดจะรวบรวมรายชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิส่งให้ ททท.ประสานไปยังบริษัทท่องเที่ยว

 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง