วันพฤหัสบดี ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 01:05 น.

การเมือง

"บิ๊กตู่" ออกแถลงการณ์ ยกโควิดเตือนม็อบ เสี่ยงระบาดรอบใหม่

วันพฤหัสบดี ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2563, 17.18 น.

วอนร่วมเอาชนะโควิดผ่านวิกฤติโลกไปให้ได้แล้วกลับมาเรื่องการเมือง หวั่นซ้ำเติมสถานการณ์เลวร้าย ไม่สบายใจนอนไม่หลับเห็นทุกคนเจ็บปวด-คนตกงานจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี เรื่องการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ในโลก ว่า วันนี้ตนขอพูดกับทุกท่านเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นในโลก ซึ่งไม่ค่อยจะดีนัก และอาจจะส่งผลต่อประเทศไทยเราด้วย ในช่วงเวลาข้างหน้านี้ ตอนนี้ กำลังเกิดการระบาดของโควิดครั้งใหญ่ ระลอกใหม่ ทั้งในยุโรป และที่อื่นๆหลายที่ เช่นที่ประเทศอินเดีย ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ภายในแค่วันเดียวกว่า 90,000 คน หรือที่สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 30,000 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 200,000 คน โลกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ครั้งใหญ่ ระลอก 2 อย่างชัดเจน

          
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงเริ่มต้นที่เกิดการแพร่ระบาดโควิดบนโลก ประเทศไทยเริ่มรับมือและพยายามระงับการแพร่ระบาดในประเทศอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว นั่นคือเหตุผลที่วันนี้ ประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ถึง 10 คนต่อวัน เมื่อเราเทียบกับประเทศอื่น หลายประเทศที่ลังเลการปิดประเทศ และไม่ได้ดำเนินมาตรการ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ทำให้วันนี้ประเทศเหล่านั้นมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวัน มากกว่าประเทศไทยเป็นพันๆเท่า ซึ่งการที่ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์แบบปัจจุบันนี้ได้ ถือเป็นความสำเร็จของแพทย์และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้กล้าหาญที่อยู่แนวหน้า แต่ตอนนี้เมื่อในโลก โควิดกำลังกลับมาระบาดใหญ่อีกครั้ง จึงอยากจะขอประชาชนทุกคน ให้ลุกขึ้นมาตั้งการ์ดของตัวเองให้สูงขึ้นอีกครั้ง เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น รักษาวินัยที่ดีไว้ อย่างที่เราเคยทำกันมา เพราะสงครามกับโควิด จะยังอยู่ไปอีกนาน
          
"ผมขอใช้โอกาสนี้ พูดกับคนกลุ่มต่างๆ ที่อยากจะออกมารวมตัวกันประท้วงด้วยเหตุผลต่างๆ ของท่าน เมื่อเวลาที่ท่านมารวมตัวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาล ที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทย และขณะเดียวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยง ที่จะทำลายการทำมาหากินของคนไทยด้วยกัน อีกสิบๆ ล้านคน การจุดชนวนการแพร่ระบาดโควิด ให้เสี่ยงที่จะลุกโชนขึ้นมาอีก นั่นจะส่งผลกระทบที่เลวร้าย และทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ไปสู่ระดับที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน ผมขอให้ทุกท่านคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก ในประเทศอื่น การรวมตัวกันและการไม่รักษาวินัยในการป้องกันโรคระบาด ได้สร้างปัญหาให้กับประชาชนคนอื่นๆ ในประเทศของตัวเองมาแล้ว"นายกฯ กล่าว
          
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า แม้ตอนนี้การไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ จะสร้างความเจ็บปวดให้เราอย่างมาก แต่อย่างน้อยร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ยังเปิดได้อยู่ โรงเรียน ไซต์งานก่อสร้าง โรงงาน และสำนักงาน ยังเปิดได้ และการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยด้วยกันเอง ก็ยังคงทำได้อยู่ จึงไม่ควรทำอะไรก็ตาม ที่จะเพิ่มความเสี่ยงให้ประเทศไทยต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง เพราะจะยิ่งเพิ่มความเดือดร้อนและเจ็บปวดให้กับทุกคน
          
"ผมขอบอกทุกคนที่อยากจะออกมาชุมนุม ชัดๆ ว่า ผมได้ยินสิ่งที่ท่านพูด ผมรับทราบความคับข้องใจของพวกท่านในเรื่องการเมือง และความไม่พอใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ผมเคารพความคิดเห็น และความรู้สึกของท่าน แต่วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดเร่งด่วน ที่เราจำเป็นต้องจัดการก่อน นั่นคือการบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจที่โควิดได้ก่อให้เกิดขึ้นไปทั่วโลก เราไม่ควรทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้ การชุมนุมจะทำให้การฟื้นเศรษฐกิจเกิดการล่าช้า เพราะจะทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ และสร้างความลังเลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเมืองไทย เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง การชุมนุมจะสร้างความวุ่นวายในประเทศ และทำลายสมาธิการทำงานของภาครัฐในการจัดการกับโควิด และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ผมจึงอยากขอให้เราเอาชนะโควิดและผ่านวิกฤติโลกครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ก่อน หลังจากนั้นเราค่อยกลับมาที่เรื่องการเมือง"นายกฯ กล่าว
          
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน หลายประเทศ ใช้ความเด็ดขาดในการยุติการประท้วง ด้วยเหตุผลที่ไม่ยอมให้เกิดการกระทำที่จะเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโควิด โดยหลายประเทศ ห้ามไม่ให้มีการรวมตัวใดๆ ทั้งสิ้น อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ในประเทศเยอรมนี เมื่อมีการประท้วงของคนจำนวนกว่า 38,000 คน มีผู้ถูกจับดำเนินคดีมากกว่า 300 คน ในคดีทำลายโอกาสของประเทศ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การศึกษา และสังคม แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนสั่งการไปคือ ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความนิ่มนวล เพราะยังเชื่อว่า ผู้ที่จะออกมาประท้วงจะมีความตระหนักรู้ ถึงสิ่งที่ควรต้องระมัดระวัง และอยู่ในขอบเขต
          
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขอฝากไปถึงทุกคนที่จะออกมารวมตัวกันว่า ขอให้นึกถึงพี่น้องคนไทยด้วยกันให้มากๆ คนไทยอีกเป็นสิบๆ ล้านคน ที่จะได้รับผลกระทบ จากการที่ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากโควิด และเพิ่มความเสี่ยงให้เราต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง ภารกิจของตนชัดเจน คือ ตนต้องปกป้องคนไทยไม่ให้เกิดการสูญเสียในชีวิต เป็นหมื่นๆ ชีวิต เหมือนในประเทศอื่น และป้องกันหายนะทางเศรษฐกิจที่จะตามมาจากการเสียชีวิตของผู้คน และหายนะที่จะตามมาจากการล็อกดาวน์ ดังนั้นเรายังต้องระมัดระวังในการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา เพราะมีความเสี่ยงในการนำเชื้อโควิดเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งจะยิ่งสร้างปัญหาให้กับเราทุกคน แต่ในขณะที่ทำอย่างนั้น ตนก็รู้ถึงความเจ็บปวดของทุกคนที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยว
          
"ผมรู้สึกจริงๆครับว่าทุกคนเจ็บปวด หลายครั้งผมนอนไม่หลับนะครับ เมื่อคิดถึงจำนวนคนที่ต้องตกงาน และจำนวนธุรกิจที่ต้องปิดกิจการลง เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก ซึ่งไม่มีทางออกไหนที่ไม่มีความเจ็บปวดรออยู่ การเปิดประตูประเทศ อาจจะทำให้มีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในระดับหนึ่ง แต่เราก็รู้ว่า จะมีโควิดเข้าประเทศมาด้วยแน่นอน แม้จะมีการตรวจเช็กขนาดไหนก็ตาม สิ่งที่ผมกังวลคือ หากเกิดการระบาดใหญ่เป็นวงกว้างในประเทศ เราอาจจะไม่สามารถรับมือได้ และถ้ามันเกิดขึ้นแบบนั้น ความเดือดร้อนในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้องจะยิ่งรุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งจะไม่ได้ส่งผลเฉพาะกับภาคการท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่จะส่งผลกับทุกภาคส่วนในสังคม"นายกฯ กล่าว
          
นายกฯ กล่าวว่า ย้ำว่าเรากำลังเดินเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น จึงควรวางเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน แล้วจับมือร่วมแรงร่วมใจกัน ผ่านพ้นความยากลำบากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในประวัติศาสตร์โลกไปให้ได้ ผมขอให้ทุกคนยกการ์ดของตัวเองให้สูงอีกครั้ง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างทางสังคม และโชว์สปิริตของความเป็นไทยต่อไป ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันเอาชนะโควิดไปให้ได้ 

ทำเนียบฯสั่งเก็บสิ่งของเอกสารสำคัญ ห้ามจอดรถค้างคืน 18-20 ก.ย. 
 
สำหรับความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลในการเตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.ที่ประกาศเคลื่อนมายังทำเนียบรัฐบาลในเช้าวันที่ 20 ก.ย. นั้น เมื่อเวลา 13.30 น.ท่ีห้องประชุม 302 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เรียกประชุมหัวหน้าทุกหน่วยงานภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อซักซ้อมเตรียมพร้อมรักษาความปลอดภัย ต่อมาเวลา 14.40 น.พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะเคลื่อนย้ายส่ิงของสำคัญ เครื่องใช้ที่จำเป็น โดยเฉพาะเอกสารทางราชการที่สำคัญ ไปเก็บรักษาที่อื่นเป็นการช่วงคราวก่อน ทยอยเริ่มเก็บตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.รวมถึงเคลื่อนย้ายรถที่จอดค้างคืนภายในทำเนียบรัฐบาล ออกนอกทำเนียบรัฐบาล เพื่อรองรับสถานการณ์ ส่วนกำลังรักษาความปลอดภัยเบื้องต้นใช้ 3 กองร้อย แบ่งพื้นที่ภายในเป็นหน้าที่ตำรวจสันติบาล ทำเนียบรัฐบาล ส่วนพื้นที่รอบนอกเป็นหน้าที่ตำรวจ บช.น.โดยเจ้าหน้าที่จะเริ่มเข้ามาประจำพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.โดยใช้ตึก 20 ทำเนียบรัฐบาล เป็นศูนย์บัญชาการ

พ.ต.อ.วัชรวีร์ เปิดเผยว่า ส่วนจะมีการลดหรือเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละวัน แต่ที่คาดการณ์ไว้ไม่น่าจะรุนแรงอะไร โดยเวลานี้ทำเนียบรัฐบาลถือเป็นเขตหวงห้าม หากฝ่าฝืนถือว่าผิดพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 สำหรับการเข้า-ออก ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เย็นของวันที่ 18 ก.ย.เป็นต้นไป จะเปิดให้เฉพาะผู้ที่มีบัตรที่ออกโดยทำเนียบรัฐบาล และหากจำเป็นจริงๆจะไม่เปิดให้คนนอกเข้ามา ส่วนการจราจรโดยรอบทำเนียบรัฐบาลเปิดการสัญจรตามปกติ จะไม่มีการปิดถนน 
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่กองสถานที่ ยานพาหนะ และรักษาความปลอดภัย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)ทำเนียบรัฐบาล ได้นำเอกสารประชาสัมพันธ์พื้นที่ห้ามจอดรถยนต์ มาติดกระจกหน้ารถที่จอดในทำเนียบรัฐบาล โดยมีเนื้อหาว่า

สลน.มีภารกิจสำคัญ และมีความจำเป็นจะต้องใช้พื้นที่ภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 18-20 ก.ย.ทางกองสถานที่ฯจึงใครขอความร่วมมือห้ามจอดรถยนต์ชั่วคราวในวันที่ 18 ก.ย.ตั้งแต่เวลา 16.30 น. ถึงวันที่ 20 ก.ย.ทั้งนี้ หากมีภารกิจไปราชการต่างจังหวัดและประสงค์จะจอดรถยนต์ไว้ขอให้ติดต่อประสานงานกลุ่มบริหารการรักษาความปลอดภัยกองสถานที่ ยานพาหนะ และรักษาความปลอดภัย สลน.หมายเลขโทรศัพท์ 02-2884355หรือ 02-2884302 เพื่อจัดที่จอดรถให้ที่บ้านพิษณุโลกและบ้านมนังคศิลา จึงเรียนมาเพื่อขอความร่วมมือและขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง