วันเสาร์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567 06:42 น.

การเมือง

"ปิยบุตร" ชี้ กกต. วินิจฉัยไร้บรรทัดฐาน ปม 31 พรรคการเมืองกู้เงินไม่มีความผิด

วันอังคาร ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2563, 14.20 น.

"ปิยบุตร" ชี้ กกต. วินิจฉัยไร้บรรทัดฐาน ทำให้ประชาชนตั้งคำถามต่อองค์กรอิสระว่าเป็นเครื่องมือของระบอบประยุทธ์หรือไม่ 

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 กันายน 2563 ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเริ่มเวทีเสวนาปฏิรูปการเมือง จัดโดย คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ณ ห้องธาราเทพ โรงแรมรามาดา บาย วินด์แฮม เจ้าพระยาปาร์ค ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยให้ 31 พรรคการเมืองกู้เงินไม่มีความผิด และการดำเนินคดี ม.112 ต่อแกนนำกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม

 

นายปิยบุตรกล่าวว่า ตนเองยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่เห็นด้วยต่อคำวินิจฉัยของ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ เพราะภายใต้ระบบกฎหมายปัจจุบันไม่มีบทบัญญัติใดห้ามมิให้พรรคการเมืองกู้เงินและพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลเอกชน หากจะห้ามพรรคการเมืองกระทำการใดก็ต้องมีกฎหมายเขียนเอาไว้ หากกฎหมายไม่ได้ห้ามอย่างชัดแจ้ง แสดงว่าเป็นเสรีภาพของพรรคการเมืองที่สามารถเลือกที่จะกระทำการใดก็ได้ ดังนั้นภายใต้ระบบกฎหมายปัจจุบัน ตนเห็นว่าพรรคการเมืองกู้เงินได้ แต่ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายพรรคการเมือง แม้จะไม่มีกฎหมายใดห้าม แต่ไม่ได้มีกฎหมายอนุญาตให้กู้เงิน จึงตัดสินว่าไม่ให้กู้เงิน และพยายามจะอธิบายเรื่องการกู้เงินและการกำหนดอัตราดอกเบี้ยว่าเป็น "การให้ประโยชน์อื่นใด"  จึงอยู่ภายใต้ข้อจำกัดห้ามให้และรับจากบุคคลเกินสิบล้านบาท ซึ่งต่อให้วินิจฉัยว่าให้และรับประโยชน์อื่นใดเกินสิบล้านบาทจริง กรณีนี้โทษก็ไม่ถึงยุบพรรค และความผิดฐานให้และรับประโยชน์อื่นใดจากบุคคลเกิน 10 ล้านบาท ก็มิได้อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ
 
ตนเห็นว่าทุกพรรคการเมืองที่กู้เงินไม่ถือว่ามีความผิดเลย กกต. ไม่ควรวินิจฉัยอย่างนี้ แต่ควรต้องวินิจฉัยว่าไม่ว่าจะเป็น 31 พรรคการเมืองหรือพรรคอนาคตใหม่ก็ไม่มีความผิดเลยทั้งนั้น และถ้าหากเห็นว่าการกู้เงินเป็นปัญหา ในอนาคตก็ต้องไปแก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง เพื่อระบุให้ชัดว่าไม่ให้พรรคการเมืองกู้เงินหรือถ้าจะให้กู้ ต้องระบุเลยว่ากู้ได้ไม่เกินเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ากฎหมายคลุมเครือแบบนี้ แล้วตีความเอาโทษเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ ส่วนพรรคอื่นๆ ไม่เอาโทษ
 
"ผมยืนยันว่าผมไม่อยากเห็นพรรคการเมืองใดถูกยุบแบบพรรคอนาคตใหม่ ผมเห็นว่าทุกพรรคการเมืองต้องรอดหมด แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อ กกต. วินิจฉัยให้พรรคอนาคตใหม่เป็นผลร้าย แต่พรรคการเมืองอื่นไม่เป็นผลร้าย จึงเกิดการตั้งคำถามถึงบรรทัดฐานการทำหน้าที่ของ กกต. ยิ่งไปกว่านั้น กกต. ชุดนี้ถูกตั้งคำถามตั้งแต่วันแรกของการทำงาน เพราะมีที่มาเชื่อมโยงกับ คสช. และ สนช. ซึ่ง คสช. ตั้งมา เกิดคำถามต่อการทำงานทั้งการแบ่งเขตเลือกตั้ง การจัดการเลือกตั้ง การคำนวนคะแนน ส.ส. บัญชีรายชื่อ การประกาศคะแนนเลือกตั้งล่าช้า การตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งตามที่ประชาชนร้องเรียน จนถึงการยุบพรรค หากองค์กรอิสระกลายเป็นองค์กรอิสระที่ไม่อิสระเมื่อไหร่จะเกิดวิกฤตการณ์ของบ้านเมือง อย่าให้ประชาชนต้องตั้งคำถามว่าองค์กรอิสระกลายเป็นเครื่องมือของระบอบประยุทธ์หรือไม่" นายปิยบุตร กล่าว
 
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการร้องเรียนการทำหน้าที่ของ กกต. หรือไม่ นายปิยบุตรยืนยันว่าคำวินิจฉัยของ กกต. ไม่ถูกต้องถึงสองชั้น ชั้นแรกถือไม่ถูกต้องตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ชั้นที่สองคือเมื่อพรรคอนาคตใหม่โดน แต่กลับวินิจฉัยกรณีของพรรคการเมืองอื่นอย่างไม่ได้มาตรฐานเท่าเทียมกัน
 
"สำหรับใครที่จะไปร้องเรียน กกต. ก็สุดแท้แต่ ในส่วนของผมและพรรคอนาคตใหม่ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง จะขอสงวนสิทธิ์พิจารณาการร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของการวางบรรทัดฐานขององค์กรอิสระว่าจะตกเป็นเครื่องมือของระบอบประยุทธ์หรือไม่ อย่างไร" นายปิยบุตร กล่าว
 
เลขาธิการคณะก้าวหน้า ตอบคำถามกรณีมีนักร้องร้องเรียนกันไปมาว่า การร้องเรียนของบรรดา "นักร้อง" ทำให้การเมืองดำเนินต่อไม่ได้ แทนที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะเข้ามาด้วยความคิดสร้างสรรค์ว่าอยากจะทำอะไรเพื่อชาติบ้านเมือง แต่ต้องพะวงกับการร้อง ก่อนการรัฐประหารปี 2549 และ 2557 ในทางการเมืองไม่มีการร้องเรียนกันมากขนาดนี้ ทุกวันนี้ร้องเรียนกันเป็นว่าเล่น ไปๆ มาๆ การร้องเรียนกลับไม่ใช่การตรวจสอบ แต่กลายเป็นอาวุธเพื่อทำลายล้างกัน จนนักการเมืองและพรรคการเมืองต้องกังวลตลอดเวลาว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้จะโดนร้องเรียนหรือไม่ นานวันเข้าจะกลายเป็นว่าประเทศไทยมีแต่พรรคการเมือง นักการเมือง ประชาชน ภาคประชาสังคม ที่เป็นศรีธนญชัย คือหาช่องทางร้องเรียนกันไปเพื่อทำลายล้างกัน จนความสร้างสรรค์ทางการเมืองไม่เกิด
 
 

หน้าแรก » การเมือง