วันศุกร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 13:09 น.

การเมือง

ครม.เห็นชอบมาตรการดึงต่างชาติลงทุนในไทย 4 กลุ่ม

วันอังคาร ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2564, 15.00 น.

วันที่ 14 กันยายน พ.ศ.2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ในลักษณะผู้พำนักระยะยาว (long-term stay)  โดย มี 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ 1.กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง 2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และ 4.กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ            

สำหรับการออกวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว (Long-term resident visa)  กำหนดวีซ่าประเภทใหม่ให้กับกลุ่มของชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง  ซึ่งจะได้ข้อยกเว้นและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การยกเว้นให้ผู้ถือวีซ่าประเภท ผู้พำนักอาศัยระยะยาวและวีซ่าประเภท Smart visa ทั้งหมดไม่ต้องมีหนังสือแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบหากอยู่ในประเทศเกิน 90 วัน
          
รวมถึงการแก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดิน  การบริหารจัดการการทำงานและอนุญาตให้คนต่างด้าวสามารถทำงานให้นายจ้าง ทั้งที่อยู่ในและนอกราชอาณาจักรได้  การยกเว้นหลักเกณฑ์การกำหนดให้การจ้างคนต่างด้าว 1 คน ต้องจ้างงานพนักงานคนไทยทำงานประจำ 4 คน การยกเว้นภาษีประเภทต่าง ๆ และระเบียบวิธีปฏิบัติด้านการศุลกากร
          
ทั้งนี้ นายธนกร เปิดเผยว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ได้คาดระยะเวลาดำเนินการมาตรการ ฯ ภายใน 5 ปีงบประมาณ (65-69)  จะช่วยเพิ่มจำนวนชาวต่างชาติที่พักอาศัยในไทย 1 ล้านคน เพิ่มปริมาณเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจมูลค่า 1 ล้านล้านบาท เพิ่มการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท สร้างรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท  ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เพียงพอให้กับภาคธุรกิจที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริมซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (61 - 80) ในประเด็นอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต และโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล  
          
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังเห็นชอบตามที่สศช. เสนอให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ภาพรวมโครงการฯ ทุกๆ 5 ปี   รวมทั้งสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและการถือของที่ดินก็ให้สิ้นสุดหลังจากวันที่เริ่มบังคับใช้แล้ว 5 ปี  รวมทั้งให้ประเมินมาตรการต่างๆ  เห็นว่า เป็นประโยชน์ต่อประเทศก็สามารถพิจารณาขยายระยะเวลาการบังคับใช้ออกไปได้ตามความเหมาะสมด้วย
          
โดยคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้ สศช. ดำเนินการหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

เดินหน้าพลิกโฉมประเทศสั่งเดินหน้าส่งเสริมแนวทาง BCG-นวัตกรรมท้องถิ่น
 
นายธนกร กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ว่า การพลิกโฉมประเทศ ถือเป็นวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี จึงขอให้ส่วนราชการดำเนินการให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อเดินหน้าลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ขณะเดียวกันจะต้องช่วยกันส่งเสริมสินค้าใหม่ๆ เพื่อการส่งออกตามแนวทางเศรษฐกิจตามโมเดล BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) รวมทั้งให้ความสำคัญนวัตกรรมท้องถิ่นให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 13
          
นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี พอใจในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 และขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดจำนวนน้อยลงทั้งในพื้นที่ กทม.และทั่วประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ช่วยกันทำให้สถานการณ์คลี่คลายไปได้ด้วยดี

ห่วงสื่อหลังพบมีผู้ติดเชื้อในทำเนียบฯ ฝากให้ดูแลตัวเองดีๆ
  
ภายหลังจากมีสื่อมวลชนติดเชื้อโควิด-19 และได้เดินทางเข้ามาในทำเนียบรัฐบาล จนเจ้าหน้าที่สำนักโฆษกฯ ได้สั่งให้สื่อมวลชนออกจากทำเนียบรัฐบาลทันทีเพื่อทำความสะอาดห้องผู้สื่อข่าว โดยเบื้องต้นให้เวิร์กฟอร์มโฮมไปจนถึงวันศุกร์ที่ 24 ก.ย.และก่อนเข้ามาอีกครั้งให้นำผล ATK มาแสดงด้วยนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวนี้แล้ว โดยได้แสดงความเป็นห่วง และได้ฝากให้สื่อมวลชนระมัดระวัง และดูแลตัวเองดีๆ

หน้าแรก » การเมือง