วันพุธ ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 11:40 น.

การเมือง

"วิษณุ" ชี้ ตร.ชน "หมอกระต่าย" บวชได้ แต่อย่าหนีหากคดีชัดจับศึกได้

วันอังคาร ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2565, 12.41 น.

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กก.อารักขา บก.อคฝ. ขี่รถจักรยานยนต์ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย เสียชีวิตบนทางม้าลาย พร้อมให้การอ้างว่าประสบอุบัติระหว่างกลับจากส่งเอกสารที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะถือว่าเป็นการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ว่าเอาให้มันชัดเจนเสียก่อนว่าจริงๆ มันคืออะไร เพราะยังดูกันอยู่เลยว่ารถมอเตอร์ไซค์เป็นของใคร ถูกกฎหมายหรือไม่ มันลึกลับซับซ้อน และจนสุดท้ายกลายเป็นว่าหมอคนนี้เป็นหมอที่จะรักษานายตำรวจที่ชนอยู่ ต้องให้ตำรวจเปิดเผยข้อเท็จจริงออกมาว่าเป็นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีมีทางม้าลาย รถต้องหยุดหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ต้องหยุด เมื่อถามว่าภาพรวมกฎหมายจราจรควรจะต้องมีการปรับบทลงโทษให้เข้มข้นกว่าเดิมหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า รอให้ทุกอย่างชัดเจนก่อน แต่เริ่มต้นคือต้องปฏิบัติตามกฎหมายเสียก่อน ส่วนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนั้นอาจจะโดนความผิดกระทงอื่นอะไรไปก็แล้วแต่

"ความจริงรถบิ๊กไบค์จะเป็นของใครไม่สำคัญ แต่สำคัญอยู่ที่ว่าใครชน คนนั้นก็ต้องผิด แต่ตอนนี้ที่เขากำลังดูคือเขาจะดูว่ามีเจตนาอะไรแทรกซ้อนอยู่หรือเปล่า" นายวิษณุกล่าว

เมื่อถามว่าตอนนี้ตำรวจกำลังถูกกังขาจากสังคม ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ควรจะทำให้เกิดความชัดเจนอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ก็มันมีอยู่เสมอทุกวัน ทุกเรื่อง ตำรวจเป็นผู้จัดการ เป็นผู้รักษากฎหมาย เป็นผู้ปราบปราม เป็นผู้ป้องกัน ฉะนั้น โอกาสที่ทำอะไรออกมาแล้วมันจะพลาด ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ มันเกิดขึ้นได้เสมอ เป็นธรรมดา ซึ่งก็สมควร อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องจัดการและเคร่งครัดในเรื่องนี้

เมื่อถามว่าตอนนี้สังคมกำลังเกิดข้อสงสัยกรณีที่นายตำรวจที่ชนแล้วไปบวชจะสามารถบวชได้หรือไม่ เพราะเพิ่งจะทำความผิด นายวิษณุกล่าวว่า บวชได้ เมื่อถึงเวลาค่อยสึกมา

เมื่อถามย้ำว่าไม่ใช่ลักษณะของการบวชเพื่อหนีความผิดใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า จำไม่ได้หรือกรณีมีพิธีกรผู้ประกาศข่าวทางโทรทัศน์มีเรื่องและไปบวช ไม่จำเป็นต้องให้คดีจบก่อน เพราะบวชไม่กี่วัน ไม่เป็นไร อย่าหนีก็แล้วกัน

เมื่อถามว่าแม้ว่าจะเป็นการบวชโดยไม่มีกำหนดสึกใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า แม้ว่าไม่มีกำหนดสึกก็ต้องสึกอยู่ดี เขาสามารถจับสึกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าคดีมันชัดเจนสามารถจับสึกได้เลย แต่ว่าอย่าหนีก็แล้วกัน และความจริงบวชยิ่งหนียาก เพราะว่าที่อยู่ชัดเจน ส่วนการให้การในชั้นศาลสามารถทำได้ แม้อยู่ในสมณเพศ

เมื่อถามว่ากฎหมายของบิ๊กไบค์กับรถจักรยานยนต์ทั่วไปควรมีแยกบทลงโทษกันหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้มีข้อเรียกร้องให้บิ๊กไบค์มีโทษที่สูงกว่า นายวิษณุกล่าวว่า ยอมรับว่ามีผู้เสนอ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เจ้าคุณประสาร ชี้อำนาจ เจ้าคณะปกครอง ชี้ขาดพระอุปัชฌาณ์ บวช "ส.ต.ต." ถูกปรับอาบัติหรือไม่

ขณะที่พระเมธีธรรมาจารย์ หรือ เจ้าคุณประสาร จนฺทสาโร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ศพศ.) ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีดังกล่าวพระอุปัชฌาณ์จะต้องพิจารณา 3 ปัจจัยประกอบกัน คือ 1.พระวินัยตามพระไตรปิฏกเล่ม 4 ซึ่งได้กำหนดเรื่องข้อห้ามและคุณสมบัติไว้ โดยหนึ่งในนั้น มีเรื่องหนีคดีอาญาแผ่นดินหรือไม่ 2.พระอุปัชฌาณ์ จะพิจารณาจากเจตนาของผู้บวช และ3.สังคมพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร 

"การบวช เป็นเรื่องของการชำระจิตใจ เป็นเรื่องการมีชีวิตเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ควรเอาเรื่องการบวชมาเป็นวิธีการเพื่อบางอย่าง อยากเห็นการบวชเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง" พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าว

พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวต่อว่า ในขณะที่เรื่องยังร้อน ยังมีคดีความยังคาราคาซัง ควรดำเนินคดีในฐานะฆราวาสจะเหมาะสมกว่า การบวชเป็นพระนวกคือพระบวชใหม่ ต้องทำกิจสงฆ์มากมาย ต้องบวชทั้งกายและใจ แต่นี่ต้องไปให้ปากคำกับคำรวจ ต้องไปศาล จะมีเวลาในศาสนกิจหรือไม่ เจตนาของการบวช ความเหมาะที่สังคมท้วงติงควรรับฟังไว้

"ในทางพระวินัยมีการตีความเรื่องอาญา หนีอาญาหลายอย่าง ทั้งเห็นว่าบวชได้และไม่ได้ ดังนั้นในสังคมปัจจุบันควรมาดูประเด็นถัดมาคือเรื่องเจตนาของการบวช ความเหมาะสมและกระแสสังคมเป็นองค์ประกอบด้วย" พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าว

ส่วนว่าพระอุปัชฌาณ์ จะต้องถูกปรับอาบัติด้วยหรือไม่นั้น พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า ถ้าเป็นกรณีพิพาท ก็เป็นเรื่องที่เจ้าคณะผู้ปกครองระดับสูงขึ้นไป จะต้องพิจารณา แต่ถ้าดูเฉพาะประเด็นหนีคดีอาญา ไม่น่าจะเป็นเหตุให้พระอุปัชฌาณ์ถูกปรับอาบัติจากเหตุนี้ได้ เนื่องจากการพิพากษาคดียังไม่ถึงที่สุด จึงน่าจะยังมีเวลาบวชได้

โฆษกสำนักพุทธฯ ยัน ส.ต.ต.นรวิชญ์ ต้องห้ามบวช จับตาสึก ไม่สึก

ขณะที่นายสิทธา มูลหงษ์ โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่า กรณีดังกล่าวเมื่อพิจารณาตามพระธรรมวินัยแล้ว ต้องถือว่าไม่สามารถเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทเป็นพระได้ เพราะเป็นผู้ต้องคดีอาญาที่ยังไม่สิ้นสุด ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ได้แจ้งให้เจ้าคณะปกครองในพื้นที่ เข้าไปทำความเข้าใจกับพระอุปัชฌาย์แล้ว ส่วนจะต้องสึกหรือไม่สึก ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางวัดอีกที

ขณะที่พระสถิตบุญวัฒน์ เจ้าคณะเขตยานนาวา ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ที่บวชให้กับพระนรวิชญ์และพระนิคม เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมาเจ้าอาวาสวัดปริวาสราชสงคราม โทรศัพท์มาบอกกับอาตมาว่าขอให้ช่วยไปทำพิธีบวชให้กับตำรวจทั้ง 2 นาย โดยใช้คำว่า ขอให้ช่วยสงเคราะห์ ซึ่งอาตมากับเจ้าอาวาสวัดปริวาสฯ มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงไปบวชให้ โดยไม่ได้ถามเหตุผลหรือรายละเอียด ซึ่งการรับบวชจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าอาวาส โดยตำรวจทั้ง 2 นายบอกว่าจะบวชเป็นเวลา 3 วัน

พระครูสถิตบุญวัฒน์ กล่าวอีกว่า ถ้ายึดตามเงื่อนไขตามที่กฎมหาเถรสมาคมระบุไว้ ผู้ที่จะมาบวชได้ต้องตรวจสอบประวัติก่อน เพื่อป้องกันบุคคลที่หนีคดีมาบวช รวมถึงผู้ต้องหาที่ต้องคดี เพราะถือว่าไม่เหมาะสม โดยกรณีของพระนรวิชญ์ไม่มีเอกสารได้รับอนุญาตจากหัวหน้างาน แต่ผู้บังคับบัญชายศพล.ต. เดินทางมารับรองในพิธีด้วย จึงทำพิธีบวชให้ แต่เมื่อเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และเจ้าอาวาสวัดปริวาสฯ ได้รับการติดต่อจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมาถึงกรณีที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะการบวชที่น่าจะไม่ได้เข้าระบบถูกต้อง จึงได้พูดคุยกับพระนรวิชญ์ เพื่อระงับการบวชหรือสึก ซึ่งพระนรวิชญ์ยินยอมที่จะสึก เบื้องต้นกำหนดไว้ว่า ช่วงเย็นวันนี้จะไปร่วมพิธีศพของผู้เสียชีวิตอีก 1 วัน แล้วจะกลับมาสึกที่วัด แต่ยังคงนุ่งขาวห่มขาวและถือศีล ส่วนพระพ่อจะบวชต่อให้ครบ 3 วัน

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง