เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 ดร.ณพลเดช มณีลังกา ว่าที่ผู้สมัคร สก. เขตสัมพันธวงศ์ พรรคเพื่อไทยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากกรณีที่มีการแพร่ภาพที่มีป้าย “ดร.ปิง ณพลเดช มณีลังกา” ของตนได้ติดตั้งคู่กับป้ายของ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นั้นเป็นความตั้งใจของตนเองที่ให้ช่างผู้ติดตั้งนำป้ายไปติดคู่กับ ดร.ชัชชาติ เอง หากจะผิดก็ผิดที่ตนเองไม่เกี่ยวกับ ดร.ชัชชาติ 

สำหรับเหตุผลก็ด้วยเหตุที่ตนจะให้การสนับสนุน ดร.ชัชชาติ ในการสมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ที่จะเกิดขึ้น ด้วยเพราะได้เห็นนโยบายทั้ง 200 นโยบาย รวมทั้งนโยบาย 9 ดี ซึ่งสอดคล้องและไปทิศทางเดียวกันกับพรรค ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่าตนกับ ดร.ชัชชาติ มิได้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อกัน เพราะแยกกันทำงานกันอย่างชัดเจน มีแต่คำว่ามิตรภาพ คำว่าเพื่อน และ ดร.ชัชชาติ ก็ลงแบบอิสระอย่างแท้จริง 

พวกตนมิได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับตำแหน่งหรือการหาเสียงของ ดร.ชัชชาติ แต่อย่างใด สำหรับโรงงานพิมพ์ที่บังเอิญเป็นโรงงานเดียวกัน ซึ่งตนมิได้ทราบมาก่อน ด้วยโรงงานเป็นโรงงานใหญ่ หลายพรรคได้เข้าไปใช้บริการโรงงานนี้ ด้วยเพราะขณะนี้ใกล้การเลือกตั้งการผลิตที่รวดเร็วและมีคุณภาพจึงเป็นหัวใจสำคัญ สำหรับตนที่ตัดสินใจลงการเมืองในระดับท้องถิ่น ในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ ตนเข้าใจว่าเรื่องในอดีตของพรรคไม่สามารถล้างได้ แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ ความหวังคนรุ่นใหม่อย่าตน ทุกคนต่างตั้งใจจะทำให้การเมืองไทยเป็นการเมืองที่ดี ร่วมกันสร้างบ้านแปงเมือง พัฒนาประเทศเราให้รุดหน้าสู้อนารยประเทศที่เจริญแล้วได้ อย่าโจมตีกันไปมาเหมือนในอดีตซึ่งไม่ได้เป็นผลดีต่อประเทศเลย

สำหรับประเด็นที่มีป้ายที่กีดขวางการเดินทางบนฟุตบาท ที่มีผู้แพร่ภาพเปรียบเทียบ การประชาสัมพันธ์หาเสียงระหว่างประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทยนั้น สำหรับตนเห็นด้วยกับการประชาสัมพันธ์แบบประเทศญี่ปุ่น เพราะกำหนดให้มีขนาดและจุดวางที่เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ทั้งนี้คงต้องเข้าใจทาง กกต. ที่มีประกาศขนาดป้ายที่ 130 x 245 เซนติเมตร จำนวนไม่เกิน 5 เท่าของหน่วยเลือกตั้ง อีกทั้งมีเวลาการเลือกตั้งเพียงไม่ถึงสองเดือน รวมทั้งการตื่นตัวของประชาชนที่จะออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในอดีตยังเป็นอัตราที่น้อยเมื่อเทียบกับญี่ปุ่น 

"สำหรับเขตที่ตนลงรับสมัครรับเลือกตั้งคือเขตสัมพันธวงศ์ มีพื้นที่เพียง 1.416 ตร.กม. ซึ่งเป็นเขตที่เล็กที่สุดใน กทม. และเป็นเขตเศรษฐกิจมีการค้าขายคับคั่ง ซึ่งขณะที่ตนประสานกับฝ่ายติดตั้งป้าย ต้องยอมรับว่าแทบไม่มีที่ตั้งป้ายแล้ว ใครที่มาติดทีหลังอาจต้องติดซ้อนๆ กันจนสูงขึ้นไป เพื่อไม่ให้รบกวนประชาชนที่เดินผ่านไปมาบนฟุตบาท และให้ประชาชนรับทราบว่ามีผู้สมัครใดบ้าง สิ่งนี้ตนขอให้ กกต. นำไปพิจารณา ทั้งขนาดป้ายและจุดการประชาสัมพันธ์แบบญี่ปุ่น ก็จะเป็นสิ่งที่ดี สำหรับสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วเราก็นำมาแก้ไข ก็จะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยและประเทศไทยโดยรวม ดร.ณพลเดช กล่าว