นายกอุ๊เมืองกรุงเก่า โดดเข้าร่วมพรรคกล้า ที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ เชื่อใจหัวหน้าพรรค ภาพลักษณ์สุดคลีน เตรียมปั้นอยุธยาเป็นเมือง อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ” พร้อมผลักดันตั้ง “สภาเศรษฐกิจฐานราก” สร้างรายได้ให้ชุมชน หนุนธุรกิจสายมู

ทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า นำโดยนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานทีมเศรษฐกิจ พร้อมด้วย ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ , นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี, นายวันชัย สุทธิอารีกุล, นายปรัชญา อึ้งรังสี, นางสาวนวลลออ เทิดเกียรติกุล, พีเค-พัสกร วรรณศิริกุล, นายศิริศักดิ์ เชื้อวงศ์ และนายประวิทย์ สุวรรณสัญญา ลงพื้นที่ จ. พระนครศรีอยุธยา เข้าพบ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ นายกฯอุ๊  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ อ. มหาราช จ พระนครศรีอยุธยา ที่ พุทธอุทยานมหาราช วัดวชิรธรรมาราม อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ซึ่งนายวัชรงศ์ เป็นเจ้าผู้ก่อตั้ง

นายวรวุฒิ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อนำทีมเศรษฐกิจมาร่วมหารือกับ นายวัชรพงศ์ หลังตอบรับเข้าร่วมงานกับพรรคกล้า ในฐานะ ทีมเศรษฐกิจสายท่องเที่ยวเชิงศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ซึ่งเจ้าตัวมีความเชี่ยวชาญ และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เป็นต้นแบบที่ผลักดันให้เกิดท่องเที่ยวชุมชน และ ตลาดต้องชม ซึ่งเป็นตลาดโอท็อป รวบรวมสินค้าพื้นบ้าน ของกิน ของใช้ เป็นคนแรกของประเทศไทย โดยใช้กลยุทธ 4 เสาหลักคือ ที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก และสินค้าชุมชน จนต่อมาได้รับการยอมรับจนนำไปจัดแสดงในห้างดังในกรุงเทพมหานคร และงานแสดงสินค้าโอท็อป ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า พุทธอุทยานหลวงปู่ทวดแห่งนี้ นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและมีสินค้าชุมชนจำหน่ายแล้ว ที่นี่ยังมี แล็ปอย.กลาง ซึ่งมีเครื่องจักรพร้อม สำหรับชาวบ้าน ผู้ประกอบการคนตัวเล็ก ที่ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง หรือ มีสินค้าอยู่แล้ว แต่ต้องการสร้างมาตรฐาน ปรับแพคเกจ รสชาติ หรือรูปแบบ โดยมี อย.รองรับ ก็สามารถมาใช้บริการได้ โดยทาง แล็ปฯ จะให้บริการคำแนะนำ รวมถึง นำผู้เชี่ยวชาญ มาให้ความรู้เพื่อนำไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้สามารถแข่งได้ในระดับประเทศ และสามารถจำหน่ายได้ทั้ง ออนไลน์ และออฟไลน์ เรื่องแบบนี้ พูดอย่างเดียวไม่เห็นภาพ แต่นายกอุ๊ ทำให้เห็น สามารถเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่พร้อมพัฒนาก็สามารถนำไปใช้ได้

“วันนี้ยินดีมากที่ได้นายกอุ๊ มาร่วมทีมเศรษฐกิจ แนวนโยบายเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็กของพรรคกล้า สอดรับกับสิ่งที่ นายกอุ๊ ทำ เป็นส่วนผสมที่ลงตัว และพร้อมเดินหน้าผลักดันให้เกิด “สภาเศรษฐกิจฐานราก” เพื่อช่วยเหลือชุมชน เกษตรกร และชาวบ้าน ให้ลืมตาอ้าปากได้ มีรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่ง นายกอุ๊ ได้พิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง” ประธานทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า กล่าว

สำหรับนายกฯ อุ๊ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ในฐานะเซียนพระชื่อดัง “อุ๊ กรุงสยาม” เป็นผู้ก่อตั้งเว็ปไซต์ www.uamulet.com ซึ่งเป็นเว็ปไซต์อีคอมเมิร์สพระเครื่องเป็นคนแรกของประเทศไทยเมื่อ 20 ปีก่อน เป็นผู้ก่อตั้ง พุทธยานหลวงปู่ทวด องค์ใหญ่ ที่ ต.บ้านใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ดำริ และจัดหาทุนสร้าง อุทยานพระพิฆเนศ คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา , และผู้วางแบบและจัดสร้าง อุทยานราชภักดิ์  และสร้างหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ วัดห้วยมงคล ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สร้างหลวงพ่อโต วัดโบสถ์ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ซึ่งนายกฯ อุ๊บอกว่า เขาจะสร้างในสิ่งที่เขาชอบ นับถือ และศรัทธา นอกจากนี้  นายกฯ อุ๊ ยังเป็นนักเขียนหนังสือเซียนพระ และยังครองตำแหน่ง กรรมการสมาคมคนแปดริ้ว ประธาน บริษัท โอทอป อินเตอร์เทรดเดอร์ และอีกหลาย ๆ ตำแหน่งที่ยังไม่ได้กล่าวถึงอีกด้วย

นายกฯ อุ๊ ให้เหตุผล ถึงการเข้าร่วมพรรคกล้า ว่า แนวนโยบายกับสิ่งที่ตัวเองทำเป็นไปในทางเดียวกัน นอกจากนี้ ยังชื่นชอบหัวหน้าพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช ที่ภาพลักษณ์เป็นคนเก่งทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน และมีภาพพจน์ที่คลีนมากคนหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็เชื่อว่า สิ่งที่ตนตั้งใจที่จะทำคือ การผลักดัน ตั้งสภาเศรษฐกิจฐานราก เนื่องจากเห็นว่า ชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร คนตัวเล็ก จะได้มีที่ยืน มีรายได้ที่มั่นคงเลี้ยงครอบครัวได้ อย่างพุทธุอุทยานหลวงปู่ทวด ต.บ้านใหม่ อ.มหาราช นี้ เราสร้างขึ้นมาจากไม่มีอะไรเลย ไม่มีประวัติศาสตร์ ไม่มีเรื่องราวเหมือนในเกาะเมือง แต่เดิมก็เป็นที่นา ราคาไร่ละไม่กี่แสน ปัจจุบันที่ดินบริเวณโดยรอบสูงขึ้นเป็นไร่ละหลายล้าน ชาวบ้านมีงานทำ เศรษฐกิจชุมชนดีขึ้น รายได้จากการท่องเที่ยวของ จ.พระนครศรีอยุธยาเพิ่มมากขึ้น เพราะมีต้นทุนเก่าสูงอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังสนับสนุนแนวคิดซอฟท์พาวเวอร์ ที่พรรคกล้าพูดเป็นรายแรก ๆ เนื่องจากประเทศไทย โดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยามีพร้อม ผ้าไทย มวยไทย อาหาร ที่พัก วัฒนธรรมท้องถิ่น รวมไปถึงธุรกิจสายมู ที่สร้างรายได้มหาศาลต่อปี ที่จะสนับสนุนให้ ซอฟท์พาวเวอร์ไทย ได้รับการยอมรับในระดับโลกได้