วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568 11:56 น.

การเมือง

“พิชัย”ชี้นโยบายค่าแรง 600 บาทเพื่อไทย จะสะท้อนไทยพ้นประเทศรายได้ปานกลาง

วันอังคาร ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 11.52 น.

“พิชัย” ชี้ค่าแรง 600 บาท แสดงถึงความสำเร็จของรัฐบาลในการกระจายรายได้ และพัฒนาไทยให้หลุดพ้นประเทศรายได้ปานกลาง มั่นใจ ทุกนโยบายทำได้จริง รวมถึงการลดราคา น้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซหุงต้ม แนะ ต้องทำหลายๆด้านไปพร้อมๆกัน 

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2565   เวลา 10:00 น.  คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวประจำวันอังคารนี้ “นโยบายเพื่อไทย พูดแล้วทำได้จริง คิดใหญ่ ทำเป็น” โดย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ อยากให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย สามารถทำได้จริงตามที่ได้ประกาศอย่างแน่นอน และ เป็นการ คิดใหญ่ ทำเป็น เพราะเคยทำสำเร็จมาแล้วทุกนโยบายในอดีต เรียกได้ว่าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ประกาศนโยบายแล้วทำได้จริง ไม่เหมือนหลายพรรคที่ประกาศนโยบายแต่ทำไม่ได้ หรือทำไม่เป็น เป็นต้น 

ทั้งนี้อยากตอกย้ำนโยบายที่สำคัญเช่นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจขยายได้เฉลี่ยปีละ 5% ซึ่งสามารถทำได้จริง และเป็นศักยภาพที่ประเทศไทยควรจะขยายให้ได้อยู่แล้ว โดยทั้ง ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ  ต่างก็บอกตรงกันว่าประเทศไทยขยายตัวต่ำกว่าเนผศักยภาพมาโดยตลอด อีกทั้งประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยจะต้องขยายตัวปีละ 5-6% เป็นอย่างน้อยเพื่อพัฒนาให้หลุดพ้นจากกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลาง และจะเพิ่มการจ้างงาน และการหารายได้เพื่อใช้หนี้สาธารณะอีกด้วย โดยตลอดหลายปีเศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวได้ต่ำมาก ขนาดในปีนี้ที่ประเทศต่างๆในอาเซียนขยายตัวได้สูง  เช่น ใน 9 เดือนแรก มาเลเซียขยายได้ 9.36% เวียดนาม 8.8% ฟิลิปปินส์ 7.76% และอินโดนิเซีย 5.39% แต่ไทยกลับขยายตัวได้ต่ำมาก เพียง 3.1% เท่านั้น ดังนั้น การเร่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจจึงเป็นความจำเป็นระดับแรก ซึ่งจะต้องมีนโยบายหลายๆด้านออกมาพร้อมๆกัน เช่นในปี 2555 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ถึง 7.2% เป็นต้น ดังนั้นการสร้างรายได้ใหม่ในหลายด้านและส่งเสริมให้มีการลงทุนจากในประเทศและจากต่างประเทศจะเป็นแนวทางที่จะเพิ่มจีดีพีให้ขยายตัวได้มากขึ้น รวมถึงการทำให้ไทยเป็นศุนย์กลางนวัตกรรมของอาเซียนให้คนฉลาดๆและคนเก่งๆมาอยู่ประเทศไทยและช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจไทย 

ต่อมา นโยบายที่เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมากคือ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท ในปี 2570 หรือ อีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งสามารถทำได้จริงถ้าประเทศไทยสามารถขยายเศรษฐกิจปีละ 5% ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ทั้งนี้ การขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 600 บาทในอีก 5 ปีข้างหน้า จะทำให้ประเทศไทยมีการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ อีกทั้งจะผลักดันให้ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้พัฒนาสร้างงานและดึงดูดการลงทุนที่จะสามารถรับค่าแรงในระดับนั้นได้ และจะเร่งให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางเร็วขึ้น ทั้งนึ้ในประเทศที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ค่าแรงจะสูงมาก เช่นที่สหรัฐค่าแรงในรัฐแคลิฟอร์เนียชั่วโมงละ $ 15.5 ( 540 บาท)  เลย เป็นต้น แนวคิดในการบริหารประเทศคือ  ความสำเร็จของรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่ช่วยให้คนรวยเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แต่อยู่ที่จะช่วยคนยากจนและคนลำบากให้มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้อย่างไร และไม่ต้องกังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะทำให้เศรษฐกิจหายนะเพราะเป็นไปไม่ได้ ทุกวันนี้ที่เศรษฐกิจย่ำแย่เพราะอะไร ทุกคนน่าจะทราบดี 

อีกนโยบายที่มีความสำคัญและเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้ทันทีคือ นโยบายที่จะลดราคา น้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซหุงต้ม ซึ่งสามารถทำได้ทันที โดยเข้าไปปรับเปลี่ยนแก้ไขโครงสร้างราคาพลังงาน ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้ชี้แจงมาตลอดและจะสามารถเข้าไปแก้ไขและลดราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม ได้ทันที เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในระดับครัวเรือน ซึ่งเป็นทิศทางของโลก โดยเฉพาะปัจจุบันที่ค่าไฟฟ้าจะขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันของไทยอย่างมาก 

ทั้งนี้หากพิจารณาในภาพรวมจะพบว่านโยบายต่างๆของพรรคเพื่อไทยจะร้อยเรียงสอดประสานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้สูงอย่างยั่งยืนและยังคำนึงถึงการกระจายรายได้เพื่อให้ประชาชนทุกระดับชั้นได้รับประโยชน์จากนโยบายของพรรคเพื่อไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน เพิ่มกำลังซื้อ สร้างเศรษฐกิจให้หมุนเวียน เพื่อให้ประเทศไทยกลับไปสู่การเป็นประเทศผู้นำของอาเซียน และ มีอิทธิพลต่อประชาคมโลกอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหายไปหลายปี 

“เลิศศักดิ์” ตอกย้ำ “เพื่อไทย” เน้นเรื่องการ กระจายอำนาจ 

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาขิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายสำคัญที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศเป็นคำมั่นสัญญาต่อพี่น้องประชาชน และเป็นนโยบายสำคัญที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้ดีที่สุด นอกจากเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย นั่นคือเรื่องการกระจายอำนาจ โดยรูปแบบการเลือกตั้งผู้ว่าราชการในจังหวัดที่มีความพร้อม จากการที่ระบบบริหารราชการของไทยจากอดีตถึงปัจจุบันพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถตอบโจย์การเข้าถึงบริการสาธารณะของพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เกิดการรวมศูนย์อำนาจ และการกระจุกตัวของงบประมาณอยู่ที่การตัดสินใจของราชการส่วนกลางจนเรียกว่ารัฐราชการรวมศูนย์ การบริหารจัดการงบประมาณเกิดความล่าช้า และไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน การทับซ้อนในภารกิจหน้าที่ของราชการส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ขาดความจริงใจในการโอนภารกิจการบริการสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 

“เอกชัย” ชี้ “เพื่อไทย” เร่งช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 

นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดอุบลราชธานี และคณะทำเพื่อไทยความหวังของเกษตรกร ทุกครั้งที่เพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล เกษตรกรสามารถลืมตาอ้าปากได้ เพราะ พวกเราแก้ปัญหาที่ฐานรากทางเศรษฐกิจ  สร้างแรงจูงใจ ให้ความรู้ หาตลาด เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน กระจายรายได้ ขยายโอกาศ เพิ่มผลผลิตเกษตรกร ดูแลปัจจัยในการผลิต สนันสนุนทุนในการทำงาน 

"จุฑาพร" ชี้หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลพร้อมยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาท 

น.ส.จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต บางรัก สาทร ปทุมวัน และ โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่คุณแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานด้านนวัตกรรมและการมีส่วนร่วม พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายด้าน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ  ทางด้านการบริการสาธารณสุขสำหรับประชาชน ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก ส่งผลโดยตรงต่อการใช้ชีวิตของประชาชนในแต่ละวัน  พรรคเพื่อไทยพร้อมยกระดับโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท รักษาทุกโรค มีบริการสาธารณสุขเชิงรุก  

 

 

หน้าแรก » การเมือง