วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568 01:43 น.

การเมือง

"ร่างกม.จริยธรรมสื่อ"เข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภา7ก.พ.นี้แล้ว! "ฝ่ายค้าน-ส.ว." หนุน ส.สื่อค้าน

วันจันทร์ ที่ 06 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 15.23 น.

เมื่อวันที่ 6  กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นัดประชุมร่วมรัฐสภา เป็นพิเศษในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยมีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ... ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ในวาระแรก ทั้งนี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าในสาระของร่างกฎหมายดังกล่าวพอรับได้ แต่มีบางประเด็นที่ต้องปรับปรุงและแก้ไขในรายมาตรา โดยเฉพาะกรณีของบทลงโทษ รวมถึงการกำหนดกรอบของนิยามความเป็นสื่อมวลชน ผู้ทำคอนเทนต์ออนไลน์ ในยุคสมัยที่ใครก็สามารถเป็นสื่อได้ ทั้งนี้ในมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะร่วมเป็นกรรมาธิการ และตนจะร่วมเป็นกรรมาธิการด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า การประชุมวาระดังกล่าวจะผ่านชั้นรับหลักการ หรือที่ประชุมรัฐสภาจะล่มหรือไม่ หากสามารถผ่านการพิจารณาและตั้งกมธ.ได้ ตนเชื่อว่าร่างกฎหมายจะไม่แล้วเสร็จภายในสมัยประชุม และต้องรอรัฐบาลชุดใหม่หลังเลือกตั้งพิจารณายืนยันว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่ 

ขณะที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. กล่าวว่าตนพร้อมรับหลักการร่างกฎหมายส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน เพราะเป็นร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาโดยมีสื่อมวลชนอาวุโสเข้ามามีส่วนร่วมทั้งในกระบวนการทำร่างกฎหมายสมัยสภาปฏิรูป รวมถึงชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา อีกทั้งเนื้อหายังเป็นการส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน โดยไม่มีประเด็นที่รัฐบาลพยายามเข้าไปกำกับเหมือนข้อกังวลที่เคยเกิดในอดีต

“เป็นประเด็นที่ถกเถียงมานาน นับ 20 ปีตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 ที่รับรองสิทธิเสรีภาพสื่อ และควรมีองค์กรวิชาชีพที่มีกฎหมายรองรับและควบคุมกันเอง แต่ความเห็นต่างยังคงมี จนปี 2557 ยุคที่ปฏิรูปสื่อ เห็นว่าควรมีการจัดตั้งองค์กรตามกฎหมาย โดยมีตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพสื่อร่วมยกร่าง ดังนั้นทำให้ลักษณะของกฎหมายไม่ใช่รัฐควบคุมสื่อ แต่ในราละเอียดและบางประเด็นอาจมีข้อถกเถียง ซึ่งสามารถแก้ไขในชั้นกรรมาธิการ” นายคำนูณ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ... มีเหตุผลคือ ให้มีสภาผู้ประกอบการและนักวิชาชีพด้านสื่อสารมวลชนระดับชาติ ทำหน้าที่กำกับดูแลกันเองของผู้ประกอบการและผู้ประกอบวิชาชีพ ซึ่งต้องดำเนินการในมาตรฐานสากล บนพื้นฐานเคารพกฎหมาย สำนึกแห่งความรบผิดชอบและมาตรฐานจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

ร่างกฎหมาย ได้รับรองให้ผู้ประกอบวิชาชีพมีเสรีภาพเสนอข่าวหรือแสดงความเห็นแต่ต้องไม่ขัดหน้าที่ของปวงชนชาวไทยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนโดยเคารพและไม่ปิดกั้นความเห็นต่างของบุคคลอื่น ทั้งนี้กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐสามารถปฏิเสธการปฏิบัติตามคำสั่งที่มีผลเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมสื่อฯ โดยไม่ถือว่าขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา แต่การใช้สิทธิต้องคำนึงถึงภารกิจหน่วยงานที่สังกัด

ขณะที่ สภาวิชาชีพฯ กฎหมายกำหนดให้เป็นนิติบุคคล มีหน้าที่คุ้มครองเสรีภาพการเสนอข่าวสารหรือแสงดงความคิดเห็นรวมถึงพัฒนาจริยธรรมของสื่อและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พร้อมกำหนดให้สภาวิชาชีพฯมีรายได้ จากเงินที่รัฐบาลให้เป็นทุนประเดิม, เงินอุดหนุนทั่วไป ทั้งนี้กำหนดให้ กสทช. จัดสรรเงินในกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ปีละไม่น้อยกว่า 25 ล้านบาท

สำหรับการกำกับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมร่างกฎหมายกำหนดให้มีบทลงโทษ 3 ระดับ คือ ตักเตือน, ภาคทัณฑ์ และ ตำหนิโดยเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยกำหนดให้คณะกรรมการจริยธรรมเป็นผู้ตรวจสอบ 

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยออกแถลงการณ์คัดค้านชี้ไม่จำเป็นเปลืองงบฯ 
 
ขณะที่สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์​เรื่องคัดค้านการออกพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .......ความว่า 

ตามที่ระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) เป็นพิเศษ วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 กำหนดให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ….. ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ เป็นวาระเร่งด่วนสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การนำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ….. เข้าสู่การพิจารณาในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาดังกล่าว เป็นการดำเนินการโดยรวบรัด ขาดการรับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึง ครบถ้วน และรอบด้านจากทุกภาคส่วนของประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนที่มีหลายหลายประเภทแตกต่างตามช่องทางการเปิดรับสื่อที่เปลี่ยนแปลงรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว 

ทั้งนี้ สาระสำคัญในจำนวนบทบัญญัติทั้ง 49 มาตรา ที่ปรากฏในร่างพระราชบัญญัติจริยธรรมวิชาชีพ พ.ศ. … มุ่งหมายให้มีการจัดตั้งองค์กรชื่อ “สภาวิชาชีพสื่อมวลชน” ขึ้นมาทำหน้าที่กำกับดูแลการประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน และพิจารณาวินิจฉัยความถูกผิดของการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนว่าขัดต่อจริยธรรมวิชาชีพหรือไม่ โดยมิได้ตระหนักถึงวิธีการเข้าสู่วิชาชีพสื่อมวลชนเปิดกว้างสำหรับทุกสาขาวิชาชีพอันมีลักษณะที่แตกต่างจากการออกกฎหมายเพื่อใช้กับการกำกับการประกอบวิชาชีพอื่นๆ และอาจกลายเป็นเครื่องมือในการจำกัดสิทธิ เสรีภาพ ในการประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนโดยอ้างเหตุผลการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชนได้ในอนาคต

ทั้งนี้ ในระยะเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมา นักการเมืองและทหารที่เข้ามายึดอำนาจการปกครองประเทศ มีความมุ่งหมายที่จะใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการควบคุม กำกับการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนมาโดยตลอดไม่ต่ำกว่า 5 ฉบับ โดยร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวให้อำนาจแก่คณะบุคคลที่มาจากกระบวนการสรรหาเข้ามาทำหน้าที่ควบคุมกำกับการใช้เสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งหมายรวมถึงเสรีภาพของประชาชน อันเป็นแนวคิดที่สวนทางกับกระแสโลกและความเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์สื่อในปัจจุบันที่รัฐไม่สามารถจำกัดช่องทางการสื่อสารของประชาชนได้อีกต่อไป การจัดตั้งองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนดังกล่าวมีแต่จะสะท้อนถึงความล้าหลังในการนำกฎหมายมาจำกัดสิทธิ เสรีภาพของประชาชน และสื่อมวลชน ซึ่งจะนำมาซึ่งความสูญเปล่าของงบประมาณและการบริหารราชการแผ่นดินนอกจากนั้น ร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวมิได้มุ่งให้เกิดการคุ้มครองเสรีภาพของสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ตามจริยธรรมวิชาชีพแต่อย่างใด 

ดังนั้นการจัดตั้งองค์การวิชาชีพสื่อมวลชนที่บัญญัติให้มีกระบวนการสรรหาแบบไทยๆ ที่นับวันจะสะท้อนให้เห็นการหนุนสร้างระบบอุปถัมภ์ที่ยึดโยงกับพวกพ้องในการเข้าสู่อำนาจและผลประโยชน์ดังที่เห็นอยู่ทั่วไปนั้น หากสรรหาบุคคลที่ขาดความน่าเชื่อถือจากผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนหรือรับใช้อำนาจเข้ามาทำหน้าที่ตัดสินหรือรับรองความถูกผิดของการทำหน้าที่ตามจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชนและความน่าเชื่อถือของข้อมูลข่าวสารแล้ว จะเป็นความเสี่ยงที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจเข้ามาควบคุมแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนโดยวิธีการต่างๆ ได้ในอนาคต ความพยายามจัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ… และผลักดันให้ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ด้วยข้ออ้าง “เพื่อเป็นหลักประกันความเป็นอิสระและเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน” ตามที่ปรากฏในเจตนารมย์ของการตราร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ อุปมาได้กับการ “สร้างภาพลวงตา” ทั้งนี้ ในปัจจุบันผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ไม่เพียงต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้บทบัญญัติของกฏหมายกว่า 30 ฉบับ ทั้งกฏหมายอาญา กฏหมายแพ่ง รวมทั้งกฏหมายอื่นๆที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะเท่านั้น แต่ยังถูกกำกับ และตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากภาคประชาสังคม และประชาชน โดยไม่มีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้นในการตราร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ……ด้วยเหตุผลที่กล่าวถึงข้างต้น สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จึงขอคัดค้านการดำเนินการใดๆเพื่อผลักดันร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนฉบับดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง ในทุกกรณี

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง