เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์รูปโดยมีข้อความในรูป"ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ และลงชื่อพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค - ปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 - แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี  พรรคพลังประชารัฐ" พร้อมโดยมีข้อความว่า  ที่ผ่านมา ผมสื่อสารให้พี่น้อง สื่อมวลชน และประชาชนได้เข้าใจถึงแนวคิดของผมว่าทำไมต้องไปต่อ 

ผ่านจดหมายทั้ง 6 ฉบับ ซึ่งจบไปแล้ว และต้องขอขอบคุณ ที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ และค้นหาผ่าน Google ในแต่ละฉบับ โดยรวมแล้วมีกว่า 10 ล้านครั้ง  แต่สำหรับในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ก็คงจะต้องสื่อสาร กับพี่น้องประชาชนในรูปแบบ ใหม่ที่จะต้องตอบคำถามบ่อยหน่อย 
 
เพราะอาจจะมีบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผมและพรรค ซึ่งควรจะต้องมีคำตอบเพื่อสร้างความเข้าใจและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นแต่ไม่ได้หมายความว่า  ผมจะทำเป็น Facebook “ป้อมรายวัน” กรุณาติดตามนะครับ 
 
ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์
 
คนอื่นจะคิดอะไร แบบไหนก็ปล่อยให้เขาคิด เขาพูดไป ผมพูดแต่ในส่วนของผม ผมคิดแบบนี้ เริ่มจาก บัตรเลือกตั้งมี 2 ใบ เลือกพรรค กับเลือกผู้สมัครเขต ไม่มีบัตรเลือกนายกรัฐมนตรี ตัวผมเองนั้น ต้องการเป็นนายกฯที่ประชาชนเลือก  ถ้าผม   ไม่มีชื่อลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าประชาชนเลือกผมด้วย ไม่ใช่กาบัตรเลือกคนอื่น แล้วผมเป็นแค่ผลพลอยได้ ไม่มีส่วนร่วมอะไรกับการเลือกของประชาชนเลย  ผมจึงเลือกที่จะเป็นทั้งหัวหน้าพรรค ผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ของพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

เพื่อให้ผมจะได้มีความมั่นใจว่า คะแนนที่ได้มานั้น ประชาชนเลือกผม ผมตั้งใจเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตย หากไม่มั่นใจว่าคะแนนที่ได้เป็นคะแนนที่เลือกผม  ผมจะรู้สึกถึงความเป็นผู้นำที่ “สง่างามอย่างมั่นใจ”ได้อย่างไร ผมไม่อยากโกหกตัวเอง ว่า “มาจากการเลือกของประชาชน”
 
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
หัวหน้าพรรค - ปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 - แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี  พรรคพลังประชารัฐ

ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ได้โพสต์ว่า  สถานการณ์เปลี่ยนเราอาจต้องการผู้นำที่มากบารมี

-พลเอกประวิตร อาจมีคนรู้จักตัวตนท่านน้อย เพราะท่านโตมาจากสายทหาร เป็นทหารที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง "ทหารเสือราชินี" มาด้วยผู้หนึ่ง

-ท่านพูดน้อย แต่ใจดี ประนีประนอมสูง ไม่เคยพูดถึงใครในแง่ร้าย เห็นว่า เวลามีส.ส.ออกจากพรรค  ท่านก็จะยิ้มไม่พูดอะไร อย่างดีก็ก็พูดว่า" ดีแล้วออกกันไปให้หมด ให้เหลือผมอยู่คนเดียว"

-บ้านเมืองสถานการณ์หนึ่ง อาจต้องการผู้นำอย่างหนึ่ง แต่อีกสถานการณ์หนึ่ง อาจต้องการผู้นำอีกแบบหนึ่ง

-ท่านอาจไม่ทันสมัยเหมือนคนอีกชุดหนึ่ง แต่เรื่อง"บารมี" ผมว่าท่านมี"เพียบ" การเชิญคนนั้นคนนี้มาคุยเพื่อยุติปัญหาต่างๆ ผมว่า ทุกคนให้เกียรติเคารพท่าน และพร้อมจะมาคุยกับท่าน

-ครั้งหนึ่ง เราเลือกเพราะ"ความสงบจบที่ลุงตู่" แต่เห็นแล้วว่า ไม่สงบจริง คดีบางประเภทสูงขึ้นอย่างผิดปกติ จนน่าอันตราย

-เราลองฟอร์มรัฐบาล แล้วให้ท่านเป็นผู้ใหญ่ประสานงาน ผมว่า บ้านเมืองไปได้ เมื่อความขัดแย้งทุเลาลง อนาคตลูกหลายก็มั่นคง

-ประการสำคัญ ทีมนโยบายเศรษฐกิจฝีมือดีมารวมตัวกันอยู่ที่นี่หมดแล้ว อย่ากังวลเรื่องเศรษฐกิจ

-ผมยังมองไม่เห็นว่า ทำไมประขาชนจะไม่เอานโยบายบัตรสวัสดิการ  700 บาท/เดือน หรือ เงินผู้สูงอายุ 3,000 บาท/เดือน

-ลองให้ผู้มากบารมีนั่ง แล้วใช้คนให้เป็นประโยชน์ บางทีก็อาจเป็นทางแก้ของบ้านเมืองที่ดีกว่าเดิม
(นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ 35 ถนนราเมศวร์ ซอย 12 อ.เมืองพัทลุง เป็นผู้ผลิตตามจำนวน วันเวลาที่ปรากฏ)