วันพุธ ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 13:08 น.

การเมือง

"ชาติไทยพัฒนา" เปิดเวทีแรก ปราศรัยในกทม. ขอคะแนนชาวคู้บอน ให้ได้ส.ส.มา ช่วยเป็นหูเป็นตา

วันพฤหัสบดี ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2566, 21.05 น.

"ชาติไทยพัฒนา" เปิดเวทีแรก ปราศรัยในกทม. ขอคะแนนชาวคู้บอน ให้ได้ ส.ส.มา ช่วยเป็นหูเป็นตา แก้ปัญหาน้ำท่วม บอก ชทพ.เชี่ยวชาญมาตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ย้ำยึดมั่นในสัจจะ กตัญญู  ยันไม่เป็นคู่ขัดแย้งใคร ไม่เล่นกีฬาสี  เสียดายเวลาทำงาน - ยืนยัน ทำงานเพื่อชาวบ้าน ขอโอกาส ได้เป็นกระบอกเสียง

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 พรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเวทีปราศรัยในกทม.เป็นครั้งแรกที่บริเวณ ตลาดนัดป้ากิ่งกาญจน์ ตรงข้ามเคหะเอื้ออาทร คู้บอน 27 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ เพื่อช่วยนายพิเชฐ เดชอรัญ  ผู้สมัคร ส.ส.กทม เขต 12 เขตบางเขน (แขวงท่าแร้ง)  เขตสายไหม (แขวงออเงิน) เขตลาดพร้าว (แขวงจระเข้บัว) หาเสียง โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ปราศรัยในตอนหนึ่ง ว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาปราศรัยในกรุงเทพ เพราะเป็นหนึ่งความฝันตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ที่ฝันว่าจะมาทำงานให้กับพี่น้องประชาชนในกรุงเทพมหานครทุกเขต ในอดีตเราเคยมีสส. ที่สวยที่สุดในพรรคชาติไทย คุณแบม-จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ ในสมัยก่อนนายบรรหารเคยเดินช่วยหาเสียงที่ดอนเมืองเคยตกท่อ ทุกคนคงเคยได้ยินข่าว แม้นายบรรหารจากไป 7 ปีแล้ว แต่ความฝันและปณิธานของนายบรรหารยังอยู่ 

การที่นายบรรหารเคยบอกว่าอยากมาทำงานช่วยเหลือชาวกรุงเทพมหานครนั้นยังอยู่ในดีเอ็นเอของพวกเราชาวชาติไทยพัฒนาทุกคน การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สมัครหลายคน ต้องการโอกาสเข้ามาทำงานในกรุงเทพ เมื่อก่อนเราไม่มีหู ไม่มีตา ไม่มีมือ ไม่มีแขน ที่จะเข้ามารับฟังปัญหาของชาวกรุงเทพ เราได้รับทราบปัญหาหลายอย่างของคู้บอน ซึ่งดูแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับชาวชาติไทยพัฒนา ตนได้เห็นมาแต่เล็ก ครั้งนี้ก็ต้องขอถามว่าใครเคยไปสุพรรณบุรีบ้าง ใครเคยเจอนายบรรหารบ้าง สิ่งที่พรรคชาติไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาเคยทำมาในสุพรรณบุรีและหลายๆจังหวัด เราอยากมาทำให้ชาวคู้บอน อยากมาแก้ไขปัญหาช่วย ประสานงานกับหน่วยงาน ช่วยพ่อค้าแม่ขาย วินมอเตอร์ไซค์ ถนนหนทาง ขุดลอกท่อน้ำ การทำอย่างไรไม่ให้น้ำท่วม ซึ่งสุพรรณบุรีน้ำท่วมตั้งแต่นายบรรหารผมดำยันนายบรรหารผมหงอก เรารู้วิธีแก้ปัญหาน้ำท่วมว่าจะเอาน้ำออกไปที่ไหน ทำอย่างไรไม่ให้น้ำเข้ามาอยู่ในคู้บอน ทำให้พวกเราลำบากกันอีก 

แต่การจะทำอย่างนั้นได้ พี่น้องชาวคู้บอนเข้าคูหาแล้วเลือกแบบไหน จะคิดแบบเดิมทำแบบเดิม ได้สส.แบบเดิม เจอปัญหาแบบเดิม หรือวันนี้จะมาคิดใหม่ ทำกันใหม่ เปลี่ยนวิธีคิด แต่ถ้าไม่เปลี่ยนไม่ว่าจะกี่การเลือกตั้ง กี่นายกฯ ก็จะเจอปัญหาแบบเดิม ดังนั้นวันนี้ชาวชาติไทยพัฒนามาเสนอตัว เพราะเราไม่ใช่พรรคการเมืองที่มีเงินถุงเงินถัง  ไม่ใช่มีนโยบายมาแจกเงิน และคงไม่มีใครอยากให้ลูกหลานเป็นคนจ่ายหนี้ 

นโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนา ต้องเป็นนโยบายที่แก้ปัญหาให้ประชาชนในวันนี้และในอนาคตไม่ใช่แก้ปัญหาวันนี้แล้วกองปัญหาให้กับลูกหลาน สร้างปัญหาให้คนรุ่นหลัง เราขอนำ เสนอนโยบาย ว้าวไทยแลนด์ และมาเสนอพี่วินมอเตอร์ไซต์ เปลี่ยนรถมอเตอร์ไซต์ เป็นรถไฟฟ้า เสียงเงียบไม่มีPM 2.5 ไม่ก่อความรำคาญให้ประชาชน และได้คาร์บอนเครดิตกลับมา เป็นการทำให้ประเทศไทยไปยืนอยู่บนเวทีนานาประเทศได้ รัฐบาล สนับสนุนให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 

การจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยไม่พอแต่ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีที่โลกรออยู่  นำประเทศไทยไปยืนบนเวทีโลก นำสิ่งดีๆมาให้กับคนไทย ไม่ใช่สร้างปัญหา ทะเลาะเบาะแว้ง แคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีของแต่ละพรรคการเมืองนั้นตนบอกได้เลยว่าวราวุธสู้ได้หมด ติดดินที่สุด เพราะวราวุธตัวเตี้ยที่สุด ก็บรรหารให้มาเท่านี้ บางพรรคตัวสูงปรี๊ด พวกหัวสูง แต่ว่าราวุธเดินไปที่ไหนทุกคนก้มหัวให้หมด เพราะไม่อย่างนั้นมองวราวุธไม่เห็น ส่วนวราวุธเดินไปที่ไหนก็เชิดหน้า ยิ่งฝรั่งมังค่า ต้องเชิดหน้าใส่ไม่งั้นคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง 

14 พฤษภาคม วันเลือกตั้งมีบัตรสองใบ ขอให้บัตรสีเขียวกาเบอร์ 18 พรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนบัตรสีม่วงกาให้เบอร์8นายพิเชฐ เดชอรัญ ผู้สมัครในเขตคู้บอนนี้ ขอความเมตตาและกรุณาให้ผู้สมัครทุกคนของพรรคชาติไทยพัฒนาด้วย จากนี้ ประชาชนจะลงคะแนนให้พรรคชาติไทยพัฒนา เลือกคนธรรมดา คนติดดินเข้าไปทำงาน และรับประกันว่าหลัง 14 พฤษภาคม ผู้สมัคร จะได้เป็น ส.ส. หรือไม่ก็ตาม ทุกคนจะยังทำงานในพื้นที่ต่อไป เพราะเรายึดมั่นในสัจจะ กตัญญู ที่ให้ไว้กับชาวคู้บอน

ชทพ. ย้ำไม่เป็นคู่ขัดแย้งใคร ไม่เล่นกีฬาสี  เสียดายเวลาทำงาน 

นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค ชาติไทยพัฒนา ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขอประชาชนช่วยกันเลือก ผู้สมัคร ส.ส. และ พรรคชาติไทยพัฒนา ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะทุกคนไม่ได้เข้ามาเล่น ๆ แต่ทำงานกันอย่างจริงจัง พร้อมให้คำมั่นว่า หลังการเลือกตั้ง ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค จะได้เข้าสภาฯ หรือ ไม่ได้เข้าสภาฯ ทุกคนก็จะยังลงมาพบ มารับฟัง ช่วยเหลือทุกคนเช่นเดิม เพราะนี่คือสิ่งที่นายวราวุธ ได้บอกกับผู้สมัครทุกคนไว้  

“เราไม่เคยเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร บางพรรคบอกก้าวข้ามความขัดแย้ง อันนี้โบราณมากครับ เพราะเป็นสิ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนา พูดมานานแล้ว และพรรคชาติไทยพัฒนา ก้าวข้ามเรื่องนี้ และไม่เข้าไปเล่นกีฬาสีมานานแล้ว เพราะเสียเวลาในการทำงาน เราไม่ได้บ้าอำนาจ ไม่ได้อยากแสวงหาอำนาจ แต่เรารู้จักหน้าที่ เมื่อใครก็ตามที่เข้าไปเป็น ส.ส. เป็น รัฐมนตรี ในคณะรัฐมนตรี อยู่ฝ่ายบริหาร ต้องเข้าไปทำหน้าที่ ทำงาน ไม่ใช่สร้างความขัดแย้ง เพราะเวลามีจำกัด ต้องทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนเท่านั้น” นายสันติ กล่าว 

นายสันติ กล่าวว่า คุณสมบัติของรัฐมนตรีชุดที่ผ่านมา ปรับ ครม. กันที ไม่ได้เลือกที่ความรู้ความสามารถ แต่เลือกกันที่พวกพ้อง และเลือกว่าเข้าไปแล้วจะสืบทอดอำนาจได้แค่ไหน ทำให้พรรคได้เปรียบในการเลือกตั้งเขาหรือไหม ปรากฏการณ์นี้ไม่เกิดกับพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะรัฐมนตรีของพรรค ทั้ง 2 คน ต่างก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่ได้มาสนใจเรื่องเหล่านี้ 

“วันนี้หลายคนจับจ้องว่า ถ้าคนนั้นเป็นนายกฯ เดี๋ยวข้างนี้ก็ประท้วง คนนี้เป็นนายกฯ อีกข้างก็ไม่ยอม ไอ้ที่บอกว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามธรณีประตูแบบไม่สะดุดหกล้มให้ได้ก่อนดีกว่าไหม กลับมาดูสิครับว่าใครน่าจะเป็นนายกฯ ที่พร้อมที่สุด ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และทำงานให้กับประชาชนอย่างเข้มแข็ง มีใครจะดีไปกว่านายวราวุธ ศิลปอาชา บ้าง” นายสันติ กล่าว 

นายสันติ กล่าวว่า นโยบายพรรคการเมืองหลาย ๆ พรรค ที่บอกจะแจก เป็นนโยบายที่ใช้งบประมาณแผ่นดินสูง รวมกันแล้วเป็น ล้านล้านบาท แต่รู้หรือไม่ว่าจะเป็นภาระให้กับลูกหลาน ต้องเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้นนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนา จึงคิดและทำอย่างเป็นแบบแผน ให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยไม่ทิ้งภาระเหล่านี้ไปถึงอนาคต

ด้านนายกนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า วันนี้เรามีผู้แทนฯ ที่มาจากที่อื่นมากมาย แต่ไม่มีผู้แทนฯ ที่มาจากพี่น้องประชาชน ซึ่งนายพิเชฐ เป็นคนธรรมดา ขับรถจักรยานยนต์ ทำมาหากิน เหมือนกับทุกคน และเชื่อว่าในวันที่นายพิเชฐ ได้เป็นผู้แทนฯ ของเขต 12 จะเป็น ส.ส. คนหนึ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนา ภาคภูมิใจ ที่สามารถอยู่แนวหน้าของพรรคได้

“สิ่งที่มีค่าของนายพิเชฐ คือ เขาเกิดมาจน คนจนไม่ได้เลวเสมอไป เขามีคุณค่า การที่เขาจน ก้มหน้าก้มตาทำงาน จาก จ.ตรัง มาที่คู้บอน ความขยัน ซื่อสัตย์ อดทน ทำให้เขาเติบโต มีครอบครัว มีลูกประสบความสำเร็จ และทำให้เขามีจิตใจที่เอื้อเฟื้อต่อพี่น้องของเรา นี่คือคุณค่าที่เขาไม่เคยลืม เมื่อวันที่เขาเป็นผู้แทนฯ เขาจะทำงานเพื่อพวกเราอย่างแท้จริง นี่คือเหตุผลที่ต้องเลือกนายพิเชฐ ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้” นายกนก กล่าว 

ส่วนนายพิเชฐ กล่าวว่า ตนเองเดิมเป็นคนภาคใต้ และสู้ชีวิต เข้ามาทำงานในกรุงเทพมหานคร เป็นนักดนตรีกลางคืน ได้คืนละ 40 บาท แต่ตั้งใจขยันทำงานจนส่งลูก 2 คนเรียนจบปริญญา และปักหลักอยู่ในกรุงเทพฯ จึงเป็นคนธรรมดา หาเช้ากินค่ำ และเป็นคนติดดิน ที่มีความตั้งใจที่จะมาทำงานการเมือง ซึ่งเมื่อปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ ได้ทำงานจิตอาสา ช่วยเหลือพี่น้องชาวบางเขนมาโดยตลอด และเคยทำงานเป็นผู้ช่วย ส.ส. มาหลายคน สุดท้ายจึงตั้งใจที่จะทำงานจริง ๆ จึงมาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคชาติไทยพัฒนา 

“ผมทำงานเพื่อชาวบ้าน ผมไม่เคยทะเลาะกับใคร เพราะมีใจให้กับประชาชน ต้องการรับฟัง ทราบปัญหาต่าง ๆ จึงอยากขอโอกาส ขอคะแนนเสียง เพื่อเข้าไปเป็นกระบอกเสียงในสภาฯ เชื่อว่าผมจะเป็นคนหนึ่งที่เอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนไปพูดในสภาฯ ให้ได้รับการแก้ไขให้ได้ และผมไม่ใช่เจ้านาย แต่ผมเป็นผู้รับใช้พี่น้องประชาชน” นายพิเชฐ กล่าว 

 

 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง