เมื่อวันศุกร์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายวีระพล  จิตสัมฤทธิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่แทนประธานคณะกรรมาธิการ และคณะประกอบด้วย นายสมศักดิ์  บุญประชม กรรมาธิการ นางสาวสกุณา  สาระนันท์ กรรมาธิการ ดร.เพชรวรรต  วัฒนพงศศิริกุล ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการ  นายประกรณ์เกียรติ  ญาณหาร นักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการ  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำคณะกรรมาธิการ ลงพื้นที่ ติดตามความคืบหน้าการขออนุญาตใช้ที่ป่าไม้เพื่อสร้างวัดป่าธรรมสันติ  ตรวจเยี่ยมการสอบธรรมะสนามหลวง และเข้ากราบสักการะ พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ดังนี้

เวลา ๑๐.๐๐ น. ประชุมร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้า การขออนุญาตใช้ที่ป่าไม้ เพื่อสร้างวัดป่าธรรมสันติ ตำบลน้ำแพร่พัฒนา อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดย มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ได้แก่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๑ เชียงใหม่ เทศบาลตำบลน้ำแพร่พัฒนา   โดยได้รับเมตตาจากหลวงปู่พระครูสุวีรธรรมานุยุต (อินสม  สุวีโร) ประธานที่พระสงฆ์ป่าธรรมสันติ พร้อมคณะสงฆ์ให้การต้อนรับ

ในการนี้ผู้แทนจากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๑ เชียงใหม่ ได้ แจ้งความคืบหน้าให้ที่ประชุมทราบว่า ที่ดิน ที่จะขออนุญาตสร้างวัดดังกล่าว แบ่งเป็น ๒ ส่วน  ส่วนที่ ๑ คือ ที่ป่าไม้ หรือป่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ และส่วนที่ ๒ คือ ที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งทั้ง ๒ ส่วน ได้ดำเนินการขออนุญาตโดยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ และได้จัดเตรียมเอกสารร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ใกล้สมบูรณ์แล้ว ซึ่งเมื่อเอกสารสมบูรณ์จะนำเสนอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนของป่า ๒๔๘๔ และเตรียมเสนอกรมป่าไม้ ในส่วนของป่าสงวนแห่งชาติ  อย่างไรก็ตาม ทั้ง ๒ ส่วน ยังขาดเอกสารอยู่ ๒ รายการสำคัญ คือ ๑) หนังสือยินยอมจากหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ ๒) มติที่ประชุมคณะกรรมการ พิจารณาแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในเขตป่า ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานพิจารณา

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม  เทศบาลตำบลน้ำแพร่พัฒนา ผู้แทนจากเทศบาลตำบลน้ำแพร่พัฒนา ได้ยืนยันจะนำเรื่อง ดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมสภาเทศบาลตำบล น้ำแพร่พัฒนา ในฐานะเจ้าของพื้นที่ว่าไม่ขัดข้อง ที่จะให้มีการสร้างวัดป่าธรรมสันติขึ้น ณ หมู่ที่ ๑๑ ตำบลน้ำแพร่พัฒนา อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ แห่งนี้ และในส่วนมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในเขต ป่าไม้นั้นสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ จะรวบรวมเอกสารนำเสนอให้มีการประชุมได้ภายในกลางเดือนธันวาคมนี้

ทั้งนี้เมื่อได้รับเอกสารครบถ้วนทั้ง ๒ รายการแล้ว สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๑ เชียงใหม่ จะเร่งดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามระเบียบกฎหมาย ต่อไป

เวลา ๑๑.๔๐ น คณะกรรมาธิการ เข้ากราบถวายสักการะ พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาส วัดท่าตอน พระอารามหลวง ณ วัดเชตวัน อำเภอเมืองเชียงใหม่ ในโอกาสได้รับพระบัญชา จากสมเด็จพระสังฆราชแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่

ในการนี้ พระเดชพระคุณ พระเทพมังคลาจารย์ ได้ขอให้คณะกรรมาธิการช่วยสนับสนุน การดำเนินโครงการก่อสร้างพุทธมณฑลประจำจังหวัดเชียงใหม่ ที่จะจัดสร้างขึ้น ณ อำเภอดอยหล่อ บนที่ราชพัสดุ จำนวน ๑๙๐ ไร่ ๒ งาน ๒๙  ตารางวา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ บ้านโทกเสือ หมู่ที่ ๑๘ ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ใกล้กับพื้นที่ก่อสร้าง ศูนย์ฝึกกีฬาบนพื้นที่สูงมหาวิทยา ลัยการกีฬาแห่งชาติ เพื่อขอให้จัดตั้งเป็น “ พุทธมณฑลจังหวัดเชียงใหม่ ” เป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาของจังหวัดเชียงใหม่ อันมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
    
๑.เป็นสถานที่ใช้เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาในจังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มภาคเหนือตอนบน  ๒. เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางของการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ จังหวัดเชียงใหม่ พุทธศาสนิกชนในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่นับถือพุทธศาสนา
     
๓.เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนา และสถานที่ปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชน โดยมีคณะสงฆ์อำเภอดอยหล่อ ฝ่ายบ้านเมือง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมวัดปากทางเจริญ ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่

เวลา ๑๓.๐๐ คณะกรรมาธิการเดินทางไปตรวจเยี่ยมชมการสอบธรรมะสนามหลวงของพระภิกษุ - สามเณร ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ 

ในการนี้ คณะพระสังฆาธิการ ที่ร่วมเป็นกรรมการสอบได้ ให้ข้องแนะนำกับคณะกรรมาธิการว่า จะมีวิธีการอย่างไร จะสนับสนุน ส่งเสริมให้มีพระภิกษุสามเณรเข้ามาบวชในบวรพระพุทธศาสนาให้มากขึ้น และให้มีความสนใจใฝ่ศึกษาทางด้าน บาลีและนักธรรม เพราะเนื่องจากปัจจุบันจำนวนพระภิกษุสามเณรลดลงอย่างชัดเจน จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกันพิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยด่วน