วันอาทิตย์ ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 11:00 น.

การเมือง

นายกฯ "อิ๊งค์"  ชู "ร้อยเอ็ดโมเดล" ต้นแบบปราบยาเสพติด เล็งขยายผล 10 จ.นำร่อง

วันศุกร์ ที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 14.40 น.

รัฐบาลเอาจริง นายก ฯ “แพทองธาร” ลงพื้นที่อีสานขีดเส้นตั้งเป้า ต้องปลอดยาเสพติดให้ได้ถึง 90% ก่อนเทศกาลสงกรานต์ แนะตรวจสารเสพติดเจ้าหน้าที่เพื่อสร้างความมั่นใจและเป็นต้นแบบให้ประชาชน  เป็นกำลังใจให้ผู้ผ่านการบำบัดขอให้ภูมิใจที่สามารถเดินออกจากยาเสพติด ยืนยันรัฐบาลจะทำทุกวิถีทาง ให้ยาเสพติดหมดไปหรือเหลือน้อยที่สุด 

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567  เวลา 11.40 น. ณ วัดบ้านเขวาทุ่ง ตำบลเขวาทุ่ง อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสั่งการโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด 1 ใน 25 จังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่นำร่องจังหวัดสีขาวทั่วประเทศ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ และผู้บริหารส่วนท้องถิ่นจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าร่วมประชุม โดยมีประชาชนมารอให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น
 
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ดำเนินงานภายใต้โครงการธวัชบุรีโมเดล จังหวัดร้อยเอ็ด และท่าวังผาโมเดล จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี
 
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นนโยบายสำคัญที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ทำให้สามารถจับกุม กวาดล้างยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก จากรายงานถือเป็นผลงานที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง ที่มีสถิติที่เพิ่มขึ้น ทั้งการจับกุมกวาดล้าง ผู้ค้ารายใหญ่ รายกลาง และรายย่อย จึงขอให้ทุกภาคส่วนมุ่งมั่นดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป พร้อมยกระดับให้เข้มข้นขึ้น โดยให้ขยายผลการดำเนินงานไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ตามภูมิภาค โดยมีจังหวัดนำร่อง 10 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ : เชียงใหม่ ภาคกลาง : อุทัยธานี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : สกลนคร นครพนม ภาคตะวันออก : ระยอง ภาคใต้ : นครศรีธรรมราช ตรัง นราธิวาส
 
นายกรัฐมนตรียังมอบนโยบายให้ ปปส. อัพเดทข้อมูลเพื่อให้เป็นฐานข้อมูลกลางเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้รับทราบข้อมูลร่วมกัน ทั้งสถานการณ์ยาเสพติด แผนปฏิบัติการจังหวัด รายงานผลการดำเนินงาน และการประเมินผล และให้มีการพัฒนาเชื่อมระบบข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ
 
“ยาเสพติดเป็นหน้าที่ของทุก ๆ คน ที่จะต้องร่วมกันช่วยกันในการทำให้ทุกคนปลอดจากยาเสพติด โดยการป้องกัน ปราบปรามและฟื้นฟูเพื่อให้พวกเราทุกคนห่างจากยาเสพติดที่เป็นพิษร้ายบ่อนทำลายชาติ ถ้าสังคมปลอดยาเสพติดจะทำให้ปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาลักขโมย ปัญหาสังคมและอื่น ๆ จะน้อยลง หรือไม่มีเลย” นายกรัฐมนตรีระบุ
 
ในส่วนของการปราบปราม นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ต้องตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ กวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด เพิ่มประสิทธิภาพมาตรการยึด อายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นอย่างจริงจังและเด็ดขาด และให้ความสำคัญกับการดำเนินการต่อข้อร้องเรียนของประชาชนโดยเร่งด่วน  ส่วนการบำบัดรักษา มอบหมายให้ ปปส. อปท. มหาดไทย สาธารณสุข ตำรวจ ทหาร ทำงานอย่างบูรณาการ พิจารณาแนวทางการเพิ่มสถานพยาบาลในการรองรับการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดให้เพียงพอ เช่น การเปิดศูนย์บำบัดผู้ป่วยยาเสพติด ในพื้นที่ของส่วนราชการที่ควบคุมได้ โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้ามาจัดการเรื่องการบำบัดดูแล ทั้งนี้ให้พิจารณาแผนการดำเนินงานให้มีความเหมาะสมต่อไป    
 
“หนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยตัดวงจรยาเสพติดได้อย่างยั่งยืนคือ กระบวนการบำบัดรักษาไม่ให้กลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำ ผ่านการฝึกอาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เข้ารับการบำบัด ขอให้ทุกภาคส่วนขยายผลการดำเนินงานในเรื่องศูนย์ฝึกอาชีพให้เพียงพอ ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลเอาจริงกับเรื่องนี้ ปัญหายาเสพติดต้องหมดไป ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน เชื่อว่าจะประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดนำร่อง 10 จังหวัดเหล่านี้ จะต้องประกาศได้ว่าเป็นจังหวัดปลอดยาเสพติด หรือปัญหายาเสพติดลดลงให้ได้มากถึง90 %  โดยมีห้วงเวลาเป้าหมาย ก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ซึ่งทุกภาคส่วน ต้องช่วยกันสร้างสังคม ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอและจังหวัดสีขาว เพื่อประเทศไทยสีขาว ปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป“ นายกรัฐมนตรีย้ำ
 
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังรายงานผลการดำเนินงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหาร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าพนักงานปกครองส่วนกลางและท้องถิ่น โดยให้ความสนใจสอบถามการดำเนินงาน อาทิ การดูแลผู้ติดยาเสพติด งบประมาณ และแจ้งว่ารัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินทุกประการ เพื่อคืนคนดีสู่สังคมไทย
 
สำหรับ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็น 1 ใน 25 จังหวัดจากการ Re X – ray ประชาชนตามข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ. ) อายุตั้งแต่ 16 – 65 ปี  ทุกคน จำนวน 503,889 คน โดยใช้กลไกของชุดปฏิบัติการประจำตำบล จำนวน  202 ชุด  โดยแต่ละชุดประกอบด้วย 19 – 24 คน เพื่อค้นหาผู้เสพ นำไปบำบัดรักษา และค้นหาผู้ค้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยกำหนดพื้นที่เร่งด่วน ที่ต้องดำเนินการทันที คือ อำเภอธวัชบุรี แล้วขยายผลไปสู่ 19 อำเภอที่เหลือ ของจังหวัดร้อยเอ็ด  ผลการดำเนินการ Re X – ray จำนวนที่คัดกรอง (ตรวจปัสสาวะ) ( ตามเกณฑ์ จปฐ. 503,889 คน) จำนวนที่พบสารเสพติด 19,824 คน แบ่งเป็น สีเขียว 18,952 คน สีเหลือง 668 คน สีส้ม 139 คน และสีแดง 65 คน นำมาบำบัดรักษาผู้เสพ  ตามแผนปฏิบัติการร้อยเอ็ดโมเดล โดยใช้ระบบรักษาบำบัดใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง (CBTx) และการบำบัดโดยระบบมินิธัญญารักษ์ ที่มีอยู่ในปัจจุบันและจัดตั้งเพิ่มเติมในพื้นที่ อ.โพนทอง อ.หนองพอก บ้านฮักแพง (พล ร.6) อ.จตุรพักตรพิมาน อ.เมืองร้อยเอ็ด  อ.เสลภูมิ และมทบ. 27 ทำให้ผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ลดลง ผู้ผ่านการบำบัดกลับมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมในสังคมได้ตามปกติ

 เป็นกำลังใจให้ผู้ผ่านการบำบัดขอให้ภูมิใจที่สามารถเดินออกจากยาเสพติด  

 เวลา 12.45 น.  ณ ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ตำบลโพธิ์สัย อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด นางสาวแพทองธาร พร้อมคณะติดตามผลการทำงานของกระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในโครงการมินิธัญญารักษ์ นายกรัฐมนตรีรับฟังประสบการณ์กระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของโครงการมินิธัญญารักษ์   จากผู้เข้ารับการบำบัด ซึ่งได้เล่าถึงความสำเร็จในการบำบัด โดยกล่าวว่า นอกจากจะหลุดพ้นจากยาเสพติดแล้วยังได้รับความรู้ ทำให้มีพลังในการจะออกไปทำงานในสังคม  และทำให้เข้มแข็ง มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง โดยได้ให้คำมั่นสัญญาต่อนายกรัฐมนตรีว่า หลังจากนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเอง และให้ลูกที่กำลังจะเกิดมา
 
นายกรัฐมนตรี กล่าว อวยพรวันเกิดให้ผู้เข้ารับการบำบัด พร้อมกล่าวว่าคนที่ติดยาเสพติดไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนไม่ดี แต่เป็นคนที่ตัดสินใจผิดพลาด ขอให้ครอบครัวและสังคมตระหนักถึงความผิดพลาดจากปัญหาหลายๆ อย่างในชีวิต รัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ซึ่งปัญหายาเสพติดเป็นพื้นฐานของปัญหาต่าง ๆ ถ้าไม่มีปัญหายาเสพติดจะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้มแข็งของประชาชน ขอให้ผู้บำบัดทุกคนภูมิใจในตัวเองที่สามารถเดินออกจากยาเสพติดได้ ขอให้ครอบครัวภูมิใจตัวผู้ที่ผ่านการบำบัด  เพราะทุกคนเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญทำให้เลิกยาเสพติดได้
 
นายกฯ กล่าวต่อว่า กำลังใจที่ดีสามารถทำให้ก้าวผ่านอุปสรรคไปได้ อย่างเช่นตัวเอง เวลาที่มีเรื่องทุกข์ใจ ผ่านมาได้เพราะกำลังใจจากครอบครัว กำลังใจจากคนที่เรารัก ทุก ๆ อย่าง ไม่ว่าเรื่องจะง่ายหรือยากต้องการกำลังใจ ขอเป็นตัวแทนส่งกำลังใจเล็กๆ ให้ผู้ผ่านการบำบัด ขอให้ภูมิใจในตนเอง และขอแสดงความดีใจกับครอบครัวที่ได้ลูกหลานกลับคืน ทำให้ประเทศชาติได้ประชาชนที่แข็งแรง และประชาชนที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้น
 
“รัฐบาลจะทำทุกวิถีทาง ให้ยาเสพติดหมดไปหรือเหลือน้อยที่สุด จะทำให้เกิดปัญหาต่อชีวิตและสังคมน้อยที่สุด ขอส่งความรักส่งกำลังใจให้ผู้ที่บำบัดยาเสพติด ขอให้หนักแน่น ก้าวผ่านไปให้ได้ ขอให้จดจำวันที่มีสติ วันที่เข้าใจทุกอย่างว่าเป็นวันที่ดีกว่าวันที่ติดยาเสพติด ขอบคุณทุก ๆ คนเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้ผู้บำบัดยาเสพติดก้าวผ่านมาได้ ขอให้ผู้บำบัดยาเสพติดขอบคุณตัวเองและขอบคุณทุกคนที่ทำให้เรากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ” นายกฯ กล่าวให้กำลังใจ
 
สำหรับการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของโครงการมินิธัญญารักษ์ บ้านฮักแพง ค่ายพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อำเภอศรีสมเด็จ ศูนย์การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอศรีสมเด็จ ได้ดำเนินการตาม 9 แนวทาง 4 มาตรการ และ 14 ตัวชี้วัด ของสำนักงาน ป.ป.ส. และมีแนวทางการ Re X – ray ประชาชน ตามข้อมูล จปฐ. อายุตั้งแต่ 16 – 65 ปี ทุกคน ในอำเภอศรีสมเด็จ จำนวน 12,907 คน โดยใช้กลไกของชุดปฏิบัติการประจำตำบล 8 ชุด ชุดละ 19 – 24 คน เพื่อค้นหาผู้เสพ นำไปบำบัดรักษา และค้นหาผู้ค้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พบมีผลตรวจปัสสาวะผลบวกจำนวน 278 ราย หลังเข้าบำบัดในกระบวนการ CBTx ยังคง มีผลปัสสาวะเป็นบวกจำนวน 32 ราย ส่งเข้าบำบัดรักษาในมินิธัญญารักษ์
 
 

หน้าแรก » การเมือง