“สุพิศ” ชิงเกมเปิดตัวทีมบริหาร อบจ.สงขลา “ไพเจน” เดินสายเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง สำรวจเส้นทางท่องเที่ยวทะเลสาปสงขลา สานต่อภารกิจ 

น่าสนใจ “สุพิศ พิทักษ์ธรรม” อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เตรียมเปิดตัว เปิดทีมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เดิมกำหนดจะจัดขึ้นที่หอประชุมนานาชาติมหาวิทยาลัยสงขลานครรินทร์ (มอ.) แต่ย้ายไปลานโรงแรมลี การ์เดนท์เวลา 14.00 น.วันที่ 9 พฤศจิกายน 

“สุพิศ” เคยประกาศเจตนารมย์ “ทดแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด เดินตามรอย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานองคมนตรี รัฐบุรุษอาวุโสผู้ถึงแก่อสัญยกรรม

สุพิศ ยังโพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความ “ พร้อม”ชีวิตนี้เพื่อสงขลา หรือแม้แต่ “ผู้ประสานสิบทิศ สุพิศ พิทักษ์ธรรม ชีวิตนี้พร้อมเพื่อสงขลา

องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ที่ปัจจุบันบริหารโดย ”ไพเจน มากสุวรรณ์“ และจะหมดวาระในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง กำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2568 รับสมัครช่วง 23-27 ธันวาคม 2567

ไพเจนเข้ามาเป็นนายกฯอบจ.สงขลา มาเกือบครบ 4 ปี และยืนยันว่า จะไม่ลาออกก่อนหมดวาระ ช่วงเวลาที่เหลืออยู่เดือนกว่าๆ ก็ยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง แม้จะมีอุปสรรคปัญหาบ้างในการปล่อย “เกียร์ว่าง”ของข้าราชการ รอนายใหม่ และมีนักการเมืองภายนอกเข้ามาแทรกแซงก็ตาม

อย่างวันที่ 9 พฤศจิกายน ก็มีกำหนดการออกเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยติดเตียง 2-3 คน ใน อ.เทพา อ.เมือง ไปดูผลสำเร็จของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดสงขลา ที่ อ.กระแสสินธ์

วันที่ 10 ก็มีกำหนดการล่องเรือสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวไปกับคณะทัวร์ทางไทย เยี่ยมให้กำลังกลุ่มอาชีพ วิสาหกิจชุมชนต่างๆริมทะเลสาปสงขลา และนำข้อมูลมากำหนดเป็นนโยบายในการส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนต่อไป

วันที่ 11 พฤศจิกายน ก็ยังมีกำหนดการเดินทางไปดูความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำตามแผนป้องกันภัยพิบัติ (ภัยทางน้ำ)

ส่วนสุพิศ พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสงขลา คงจะเห็นภาพชัดขึ้นในการเปิดตัวในวันที่ 9 พฤศจิกายน พร้อมทีมงานบริหารว่ามีใครบ้างมีศักยภาพขนาดไหน พอจะเป็นที่หวังได้หรือไม่

กล่าวสำหรับสุพิศ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในหน้าที่ราชการ ก้าวขึ้นจากเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดแจ้ง ไปรับราชการฝนกรมชลประทาน ไปควบคุมฝ่ายเครื่องกล และตำแหน่งสุดท้าย คืออธิบดีกรมในหลวงและการบินเกษตร แต่ชีวิตราชการแม้จะประสบความสำเร็จ แต่ถูกเตะตัดขาอยู่หลายครั้ง ผ่านปากเหยี่ยวปากกามาก็มาก

สุพิศ เคยให้สัมภาษณ์พิเศษ The reporter ตอกย้ำเจตนารมย์อีกครั้งว่า ที่ลาออกจากราชการคิดว่ายังพอมีกำลัง มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ทดแทนแผ่นดินเกิด เดินตามรอย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตามรอยป๋า ในช่วงชีวิตที่ยังมีลมหายใจ และยังพอทำอะไรให้บ้านเกิดได้ เวลาที่เหลืออยู่ของอายุราชการ 1 ปีืขอกลับมาพัฒนาบ้านเอง

สุพิศระบุว่า อยู่ที่ไหนในหน่วยงานราชการมา ทำโน้นทำนี้ก็โดนเพื่อนสกัด ก็คิดว่ามาเป็นนายกฯอบจ.ดีกว่า จะได้พัฒนาบ้านเกิด ท้องถิ่นของตนเอง
”คนอย่างป๋าเปรมจะได้มีคนสืบทอด สละตนเอง สละเวลา และความสุขส่วนตัว“ สุพิศ กล่าว

สุพิศ บอกว่า เป็นการลงสมัครแบบอิสระ เรารักทุกคน รักพวก รักทุกพรรค ต้องขอขอบคุณพี่นิพนธ์ นายกฯชาย และ สส.อีก 2-3 พรรค ที่ร่วมกันสนับสนุน

”พี่นิพนธ์ นายกฯชาย ก็เป็นพี่ที่รักกันมาหลายสิบปี ทั้งสองท่านรู้จักมักคุ้นกัน รู้นิสัยใจคอกันดี ให้การสนับสนุน“

สรุปย่อๆประมาณนี้ที่สุพิศให้สัมภาษณ์ The reporter น่าสนใจในประเด็นจะเดินตามรอยป๋าเปรม ไม่แปลกใจเจตนารมย์ต้องการรับใช้แผ่นดินเกิด ทดแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด ทุกคนสามารถคิดได้ ทำได้ ถ้ายังมีสติปัญญา มีความรู้ความสามารถ ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่คิดคอรัปชั่นเหมือนป๋า

จริงๆต้องให้ข้อมูลผู้ประสงค์จะลงสมัครในนามพรรคประชาชนด้วย แต่ต้องขอโทษด้วย ไม่มีข้อมูลเพียงพอ ทราบว่าชื่อนิรันทร์ จินดานาค จบจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา เช่นเดียวกับไพเจน แต่เป็นรุ่นน้องมาก มีข้อมูลอยู่เพียงประมาณนี้

สถานการณ์ทั่วไปของการเมืองท้องถิ่นในสงขลา เป็นช่วงเวลาของการช่วงชิงคะแนนนิยม ชิงฐานเสียง คนคุมฐานเสียงหลัก คือหัวคะแนน หัวคะแนนใหญ่ในแต่ละอำเภอของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ช่วงนี้จึงเป็นการช่วงชิง ส.อบจ.กัน มีการเสนอซื้อกัน มีการวางมัดจำกันบ้างแล้ว

สถานการณ์นี้ให้พึงระวังการพลิกขั้ว ถ้าไม่เป็นไปตามข้อตกลงในการซื้อขาย เพราะเป็นแค่การตกลงซื้อขายโดยสัญญาใจ “เงินไม่มาก็เลิกรากัน”

เหลือเวลาอีกเพียงเดือนธันวาคม-มาราคม และพฤศจิกายน ในการช่วงชิงคะแนนนิยม จับตาอย่างกระพริบ “ไพเจน” ที่เริ่มมีความเชื่อมั่นสูงขึ้น หลังประกาศลงรักษาแชมป์อีกสมัย กับ “สุพิศ” ใครจะกวาดคะแนนได้มากกว่ากัน กับการชิงไหวชิงพริบผ่านสื่อหลากหลาย

ทั้งนี้การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาในปี 2568 ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะเมื่อมีผู้สมัครที่มีประสบการณ์และวิสัยทัศน์โดดเด่นอย่าง ไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ. คนปัจจุบัน และสุพิศ พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร การประลองทางการเมืองท้องถิ่นครั้งนี้สะท้อนถึงการแสวงหาความเปลี่ยนแปลงและความพยายามในการรักษาสถานภาพทางการเมืองผ่านกลยุทธ์ต่างๆ บทความนี้จะวิเคราะห์หลักการ อุดมการณ์ และกลยุทธ์ที่ทั้งสองฝ่ายใช้ในการชิงตำแหน่ง พร้อมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อยกระดับการบริหาร อบจ. ให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น

1. หลักการและอุดมการณ์

ไพเจน มากสุวรรณ์
ไพเจนมุ่งเน้นการพัฒนาชุมชนผ่านการต่อยอดโครงการพัฒนาท้องถิ่น โดยเน้นการให้บริการสาธารณะ เช่น การเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ทะเลสาบสงขลา รวมถึงการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน การบริหารงานของเขามุ่งมั่นสานต่อภารกิจที่เคยวางไว้เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับประชาชน

สุพิศ พิทักษ์ธรรม
สุพิศเน้นการตอบแทนคุณแผ่นดินเกิดและการบริหารงานที่ยึดถือเจตนารมณ์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เขาย้ำถึงความตั้งใจในการใช้ความรู้และประสบการณ์เพื่อนำมาพัฒนาท้องถิ่นและตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด นโยบายของสุพิศมุ่งเน้นการสืบสานเจตนารมณ์ของผู้นำรุ่นเก่าเพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความมั่นคงในชุมชน

2. กลยุทธ์และวิธีการ

ไพเจน มากสุวรรณ์ ใช้กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ผ่านการเยี่ยมเยียนชุมชนและการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับประชาชน การทำงานในลักษณะนี้ช่วยให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจจริงในการพัฒนาท้องถิ่น
สุพิศ พิทักษ์ธรรม ใช้กลยุทธ์เปิดตัวและการแสดงทีมบริหารอย่างชัดเจน รวมถึงการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อเน้นย้ำเจตนารมณ์และความตั้งใจในการพัฒนาท้องถิ่น การเน้นความเป็นอิสระทางการเมืองและความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเป็นจุดเด่นที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

3. วิสัยทัศน์ แผนงาน และโครงการ

ไพเจน มากสุวรรณ์ มีแผนงานที่มุ่งเน้นการพัฒนาชุมชน การส่งเสริมอาชีพ และการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่
สุพิศ พิทักษ์ธรรม เน้นการสืบสานเจตนารมณ์ของผู้นำที่เน้นความซื่อสัตย์สุจริตและการพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน โดยให้ความสำคัญกับการเปิดรับทุกกลุ่มความคิดและการทำงานร่วมกับชุมชน

4. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

เสริมสร้างความโปร่งใสในการบริหารงาน อบจ.
เพื่อป้องกันปัญหาการแทรกแซงทางการเมือง การบริหารงานต้องมีความโปร่งใสและเปิดเผยข้อมูลให้กับประชาชน รวมถึงการจัดตั้งกลไกตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
ควรส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบาทในการกำหนดนโยบายและร่วมตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารท้องถิ่น เพื่อให้การพัฒนาท้องถิ่นตอบสนองความต้องการที่แท้จริง
พัฒนาศักยภาพชุมชน
การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนควรเน้นการเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนผ่านการศึกษาและการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่เหมาะสมกับบริบทท้องถิ่น
ยกระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม
การส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพของภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยวในพื้นที่ จะช่วยสร้างรายได้และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

บทสรุป
การเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลาในครั้งนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ประชาชนต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ กลยุทธ์ของทั้งไพเจนและสุพิศสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งผู้ที่จะเป็นผู้นำที่ดีต้องสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและนำพาท้องถิ่นไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง
 

 #เลือกตั้งนายกฯอบจ.
 #ไพเจน_สุพิศ