เมื่อวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2567  ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลซ เขตป้อมปราบฯ กทม. ศ. ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ เหรัญญิกพรรค อดีต สส. กทม. และ น.ส.นิภาพรรณ จึงเลิศศิริ สมาชิกสภา กทม. (ส.ก.) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จัดโครงการ Democrat for the people เพื่อให้ความรู้ทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแก่สมาชิกพรรคและประชาชน 

โดย ศ. ดร.สุชัชวีร์ ได้พูดถึงเรื่องความปลอดภัยสาธารณะว่า เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย พรรคฯ จึงดำเนินการร่วมกับภาคประชาชน เพื่อเสนอกฎหมายจัดตั้ง "องค์กรเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ" สำหรับให้เป็นคนกลางในการรับเรื่องร้องเรียน แจ้งเตือน ป้องกันภัย ถอดบทเรียน และให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งจะเป็นการทำให้เกิดสังคมที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคง

ด้านนางเจิมมาศ กล่าวถึงความสำคัญของการยื่นแบบภาษีรายได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2567 ซึ่งจะมีการยื่นในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ปี 2568 ว่าการเสียภาษีรายได้ถือเป็นบทบาทและหน้าที่ของพลเมืองไทย โดยผู้เสียภาษีสามารถแสดงเจตจำนงในการอุดหนุนเงินภาษีให้กับพรรคการเมืองที่ชื่นชอบได้แบบ “ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม และไม่กระทบการขอคืน" ที่สามารถทำได้ง่ายด้วยการกาที่ช่องแสดงความประสงค์อุดหนุนเงินภาษีให้กับพรรคประชาธิปัตย์ได้สูงสุด ไม่เกินปีละ 500 บาท พร้อมระบุรหัส 001 ผ่านใบ ภ.ง.ด. 90 หรือ 91 ซึ่งจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับจัดสรรเงินดังกล่าวสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดกิจกรรมเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนต่อไป 

สำหรับ ผศ. ดร.รัชดา ธนาดิเรก ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ได้มาร่วมบรรยายเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะส่งเสริมให้กลุ่มประชาชนที่อยู่นอกเหนือระบบที่มีการจัดการเพื่อรับมือต่อการเกษียณ หรือกลุ่มประชาชนที่ไม่มีกองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ ระบบบำเหน็จบำนาญ ให้มีการออมในระยะยาว โดยมีรัฐช่วยสมทบในปริมาณหนึ่ง และจะทำให้มีเงินใช้จ่ายในยามเกษียณ 

นอกจากนี้ภายในงานมีพี่น้องประชาชนไม่ต่ำกว่า 700 คน ให้ความสนใจสมัครสมาชิกพรรคแบบตลอดชีพอีกด้วย ก่อนหน้านี้โครงการดังกล่าวมีการจัดขึ้นที่เขตประเวศ ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากชาว กทม. เป็นจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการขยายเครือข่ายความร่วมมือระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ พรรคประชาธิปัตย์จึงเห็นความสำคัญกับกิจกรรมดังกล่าว ถือเป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นตั้งใจของพรรคฯ ที่ต้องการทำงานอย่างใกล้ชิดกับประชาชนและยึดมั่นในอุดมการณ์ เพื่อพัฒนาท้องถิ่นและประเทศอย่างยั่งยืน