บิ๊กบอส Google มั่นใจไทย หลังประกาศลงทุนสร้างโรงงานขนาดใหญ่ Cloud Data Center ที่ชลบุรีคืบหน้าไปมาก   คาดอีก 2 ปี พร้อมผลิต  ขณะที่นายกฯ แพทองธารจับเข่าคุยชวนลงทุนเพิ่มด้านดิจิทัลและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Google ยืนยันไทยพร้อมสนับสนุนการลงทุน ขณะที่บิ๊กซอฟต์แวร์ ผู้ให้บริการ คลาวด์ Salesforce ของอเมริกัน มั่นใจนโยบายรัฐบาลไทย พร้อมส่งเสริมเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย  

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 เวลา 16.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส ตรงกับเวลาประเทศไทย เวลา 23.30 น.) ณ ศูนย์ประชุม Congress Center เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบหารือกับนาง Ruth Porat ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน (President and Chief Investment Officer) บริษัท Google 
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้ติดตามการลงทุนของ Google ทราบว่า มีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี โดยหวังว่า นอกเหนือจากการลงทุนระบบ Cloud แล้ว Google จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตโปร์ดักส์ดิจิทัลด้านอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุน และอำนวยความสะดวกการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง 
 
ขณะที่ ผู้บริหารระดับสูงของ Google กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยช่วยสนับสนุน โดยโครงการ Data Center ที่จังหวัดชลบุรี อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในอีก 2 ปี ข้างหน้า นอกจากนี้  Google ยังมีแผนการขยายการผลิตผลิตภัณฑ์ของ Google ในไทย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผลิต (Supply) บางรายของ Google มีโรงงานในประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ Google ยังร่วมกับส่วนราชการของไทย โดยมีการลงนาม MoU กับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อฝึกทักษะด้านดิจิทัลให้กับเด็กนักเรียนไทย นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการ (SMEs) เข้าร่วมเพิ่มทักษะ upskilled กับ Google ซึ่งถือเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของ Google ในการลงทุนในไทย ผู้บริหารของ Google กล่าว

บิ๊กซอฟต์แวร์ ผู้ให้บริการ คลาวด์ Salesforce ของอเมริกัน มั่นใจนโยบายรัฐบาลไทย  

วันนี้ (22 มกราคม 2568) เวลา 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส) ณ ห้อง Mezzanine Bilateral 1.4 ชั้น 1 ศูนย์ประชุม Congress Center เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบหารือกับนายซาบาสเตียน ไนล์ส (Mr. Sabastian Niles) ประธานฝ่ายกฎหมายและกิจการองค์กรบริษัท Salesforce บริษัทซอฟต์แวร์และผู้ให้บริการคลาวด์สัญชาติอเมริกัน 

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ นายกรัฐมนตรีและนายซาบาสเตียน ไนล์ส เห็นพ้องกันถึงโอกาสความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย กับบริษัท Salesforce เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยเพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่ดิจิทัล ทั้งในภาคธุรกิจและภาครัฐ
 
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการสร้างความต่อเนื่องในนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสีเขียว รวมถึงการเชิญชวนนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนักลงทุนมาลงทุนกว่า 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการลงทุนใน Data Center และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับทักษะแรงงานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับตลาดงานดิจิทัล โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงและเยาวชน พร้อมเชิญชวนให้ Salesforce เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินนโยบาย Cloud First ของรัฐบาล เพื่อปรับปรุงการบริการภาครัฐให้ทันสมัยและเพิ่มความรู้ด้านดิจิทัลแก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐ 
       
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงความร่วมมือในการสนับสนุนการพัฒนา SMEs และสตาร์ทอัพดิจิทัล รวมถึงการบริการคลาวด์และ AI ซึ่งต่างมองว่าจะเป็นหัวใจสำคัญในการเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต 
 
ขณะที่ผู้บริหาร ระดับสูงของบริษัท Salesforce ชื่นชมวิสัยทัศน์นายกรัฐมนตรี และยินดีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การขยายการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลของรัฐบาล รวมทั้งการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลเพื่อส่งเสริมศักยภาพให้คนรุ่นใหม่ของไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการความร่วมมือกับฝ่ายไทยด้านการกำจัดมลภาวะทางขยะพลาสติก (plastic pollution) อีกด้วย 
 
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่าความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับ Salesforce ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยและภูมิภาคต่อไป

สินค้าไทยไปได้ด้วยดี..หลังไทยบรรลุข้อตกลง EFTA (เอฟต้า) ในยุโรป 
 
วานนี้ (วันพุธที่ 22 มกราคม 2568) เวลาประมาณ 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส ตรงกับเวลา 22.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) ณ ศูนย์ประชุม Congress Center เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบหารือกับนางคาริน เคลเลอร์-ซุทเทอร์ (Karin Keller-Sutter) ประธานาธิบดีแห่งสมาพันธรัฐสวิส ในโอกาสเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum Annual Meeting 2025 (WEF AM25) 

 
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง การเข้าร่วมการประชุม WEF 2025 ในครั้งนี้ว่า ประเทศไทย โดยพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน ร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน (Thailand Reception) โดยนำเมนูอาหารไทยที่เป็นที่ยอดนิยมมานำเสนอให้กับผู้ร่วมประชุมและสื่อมวลชน เป็นที่น่าดีใจที่ได้รับเสียงชี่นชม ทั้งนี้ อาหารไทยเป็นหนึ่งใน Soft power ไทยที่มาจากภูมิปัญญาของคนไทย โดยเกษตรกรและผู้ประกอบการกิจการร้านอาหารและภัตตาคารต่างๆ ร่วมกันสรรค์สร้างจนทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก
 
ประธานาธิบดีแห่งสมาพันธรัฐสวิส ได้กล่าวแสดงความยินดีในความสำเร็จของไทยในการจัดงาน Thailand Reception ในครั้งนี้ รวมถึงความสำเร็จของไทย ในการบรรลุความตกลงการค้าเสรีไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA (เอฟต้า) ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์และจะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการขยายตัวการค้า-การลงทุนระหว่างไทย-สวิสด้วย นอกจากนี้ สองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการยกเว้นการตรวจลงตรา และการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสีเขียวของไทย หรือ green transition 
 
โดย นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร จะร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลง FTA ไทย-EFTA ในวันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. ตามเวลากรุงดาวอส ที่ House of Switzerland ) ซึ่งข้อตกลงครั้งนี้ ประกอบด้วย ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ และประเทศไทย ซึ่งจะทำให้การค้าระหว่างไทยกับประเทศกลุ่มนี้ในสหภาพยุโรปมีปริมาณมากขึ้นจากกำแพงภาษีที่ปรับเปลี่ยนลดลงอยู่ในข้อตกลงต่างๆ