เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 เวลา 05.30 น. ที่ตำบลดอยลาน จังหวัดเชียงราย นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย และผู้ช่วยหาเสียงของ อบจ. จังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้เปิดปราศรัยที่ตลาดเนินสมบูรณ์ ตำบลดอยลาน จังหวัดเชียงราย โดยกล่าวถึงปัญหาการทุจริตเลือกตั้ง พร้อมเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย  

นายวิสารระบุว่า ตนได้ข้อมูลว่าวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พาน ร่วมกับชุดเคลื่อนที่เร็วของ กกต. และฝ่ายปกครอง ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีการนำเงินสดและเอกสารมาใช้ในการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนายก อบจ. และสมาชิก อบจ. เชียงราย ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 จากการเฝ้าระวัง พบรถยนต์กระบะต้องสงสัยบริเวณหน้าร้านกาแฟในเขตเทศบาล 14 ตำบลเมืองพาน อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยมีชาย 3 คนกำลังสนทนาและส่งมอบถุงสีแดง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและตรวจค้น พบผู้ต้องสงสัย 2 ราย ได้แก่ นายศิริ(นามสมมุติ) อายุ 59 ปี และนายวิไชย(นามสมมุติ) อายุ 65 ปี  พร้อมของกลางประกอบด้วย

1. เสื้อกั๊กองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย  
2. เงินสดจำนวนมาก บรรจุในถุงกระดาษ 18 ซอง รวมมูลค่ากว่า 450,000 บาท  
3. โทรศัพท์มือถือสีเขียว 1 เครื่อง  
4. รถยนต์กระบะบรรทุก ทะเบียนเชียงราย  
5. เอกสารรายชื่อประชาชน 112 แผ่น  
6. อาวุธปืนพกสั้นพร้อมแม็กกาซีน 2 แม็ก และกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 29 นัด 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าของกลางทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้ง  และกำลังขยายผลซึ่งอาจมีบุคคลเกี่ยวข้องจำนวนมาก

นายวิสารกล่าวเพิ่มเติมว่า ได้จัดตั้งทีมงานผู้ช่วยหาเสียงจำนวน 200 คน เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบผู้ทุจริตการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทีมงานดังกล่าวจะถูกแบ่งออกเป็นทีมกลางวันและทีมกลางคืน ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการจับกุมทันทีที่พบการกระทำผิด  

นายวิสารยังกล่าวกับผู้ร่วมฟังปราศรัยว่า หากมีการให้เงินหรือผลประโยชน์เพื่อซื้อเสียง ขอให้ประชาชนอย่าเลือกผู้ที่กระทำการดังกล่าว เพราะการซื้อเสียงย่อมมีการถอนทุนคืนในภายหลัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ทั้งนี้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโกงเลือกตั้ง  มีบทลงโทษ
 เช่น  

1. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562  
   - ห้ามการซื้อสิทธิ์ขายเสียง การข่มขู่ หรือการแจกจ่ายสิ่งของเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง  
   - โทษสูงสุด: จำคุก 10 ปี ปรับ 200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี  

2. ประมวลกฎหมายอาญา  
   - การให้สินบน แจ้งข้อความเท็จ หรือปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับการเลือกตั้ง  
   - โทษสูงสุด: จำคุก 20 ปี และปรับ 400,000 บาท  

3. พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560  
   - การเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือการใช้เทคโนโลยีเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้ง  
   - โทษสูงสุด: จำคุก 5 ปี และปรับ 100,000 บาท  

4. พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542  
   - การนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดมาใช้ในการเลือกตั้ง  
   - โทษสูงสุด: จำคุก 10 ปี และปรับ 200,000 บาท  

ทั้งนี้หากข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ปกครองกระทำผิดเสียเอง อาจต้องรับโทษเพิ่มขึ้น

นายวิสาร ย้ำว่าการทุจริตเลือกตั้งถือเป็นการทำลายระบบประชาธิปไตย และขอให้ประชาชนช่วยกันป้องกันการกระทำผิดดังกล่าวเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม