วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568 14:27 น.

การเมือง

"Regulator ต้องเป็น Regulator" นักวิชาการเตือน อย่าเล่นบท NGO จนฉุดเศรษฐกิจไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 06 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 18.23 น.

เมื่อวันที่ 6  กุมภาพันธ์ 2568  รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการชื่อดัง ออกโรงเตือนถึงบทบาทของหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) ที่อาจผิดเพี้ยนจากหน้าที่หลัก กลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่า Regulator ต้องทำหน้าที่อย่างสมดุล ไม่ใช่กลายเป็นองค์กรต่อต้านการพัฒนาในลักษณะเดียวกับ NGO

ในการนี้ รศ.ดร.เสรี ชี้ว่า Regulator ต้องส่งเสริมการแข่งขัน ไม่ใช่ขัดขวางการเติบโต เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลมีบทบาทสำคัญในการสร้างสมดุลให้กับตลาด ควบคู่ไปกับการคุ้มครองผู้บริโภค และส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้โดยไม่มีการผูกขาด และสร้างโอกาสในการลงทุนทั้งจากในและต่างประเทศ
“Regulator ต้องทำให้ตลาดมีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ใช่ออกกฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไปจนภาคธุรกิจไม่สามารถแข่งขันได้ หรือทำให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงโดยไม่จำเป็น” ดร.เสรีกล่าว

นอกจากนี้ ยังเตือนว่าหาก Regulator ตอบสนองต่อแรงกดดันจากสังคมมากเกินไป โดยไม่ได้พิจารณาแนวทางปฏิบัติที่เป็นสากล อาจทำให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาดและส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว

ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นคือ Regulator บางแห่งเริ่มมีบทบาทเสมือน NGO ที่เน้นการต่อต้านและคัดค้านมากกว่าส่งเสริมการพัฒนา ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยตรง ซึ่งบทบาทของ Regulator ที่ผิดเพี้ยน อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว

“หาก Regulator เล่นบท NGO โดยออกมาตรการที่จำกัดการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือบังคับใช้กฎระเบียบโดยไม่พิจารณาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ก็อาจทำให้ประเทศเสียโอกาสด้านการลงทุน และทำให้ธุรกิจขาดความสามารถในการแข่งขัน” ดร.เสรีกล่าว

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือบางประเทศที่ควบคุมภาคโทรคมนาคมอย่างเข้มงวดเกินไป ทำให้ต้นทุนของผู้ให้บริการสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าบริการแพงขึ้นและผู้บริโภคไม่ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อการลงทุน เพราะนักลงทุนอาจมองว่าประเทศนั้นมีความเสี่ยงสูง และเลือกไปลงทุนในประเทศอื่นที่มีกฎระเบียบที่ชัดเจนและเป็นมิตรต่อธุรกิจมากกว่าอีกตัวอย่างเช่น อินเดียเคยมีปัญหาด้านการกำกับดูแลในภาคโทรคมนาคม ซึ่งส่งผลให้บริษัทต่างชาติถอนการลงทุนออกไป และเลือกลงทุนในตลาดที่มีเสถียรภาพกว่า

นอกจากนี้ รศ.ดร.เสรี ได้หยิบยกกรณีศึกษาต่างประเทศ มานำเสนอให้เห็นถึงบทบาทของ Regulator ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น สหรัฐอเมริกา: มี Federal Communications Commission (FCC) ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการแข่งขันและนวัตกรรม ตัวอย่างเช่น การเปิดตลาด 5G ให้กับผู้ให้บริการหลายรายแข่งขันกัน ทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G ขณะที่สิงคโปร์ มี Infocomm Media Development Authority (IMDA) ซึ่งใช้แนวทาง “Regulation with Innovation” หรือการกำกับดูแลที่ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรม เช่น การสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี และการให้ใบอนุญาตแบบยืดหยุ่นเพื่อเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ

ทางออกที่ดีคือ  Regulator ต้องเป็นกลางและยึดหลักเศรษฐศาสตร์ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลก ดร.เสรีเสนอว่า Regulator ต้องมีแนวปฏิบัติที่เป็นสากล วางบทบาทเป็นกลาง โปร่งใส และต้องออกกฎระเบียบที่อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพียงแค่ตอบสนองต่อกระแสทางสังคม

"Regulator ต้องทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ใช่เครื่องมือที่ฉุดรั้งประเทศ การกำกับดูแลที่ดีต้องสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภค การส่งเสริมการแข่งขัน และการพัฒนาธุรกิจ ถ้าหน่วยงานกำกับดูแลเข้าใจเรื่องนี้ ประเทศไทยจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน" ดร.เสรีกล่าวทิ้งท้าย
 

หน้าแรก » การเมือง