วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568 14:05 น.

การเมือง

วุฒิสภาหนุนระบบ CBS แจ้งเตือนภัยพิบัติแม่นยำ-รวดเร็วกว่าระบบ SMS

วันอังคาร ที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2568, 20.13 น.

วุฒิสภาเปิดเวทีถกเข้มระบบเตือนภัยยุคดิจิทัล เร่งยกระดับการแจ้งเตือนภัยพิบัติให้แม่นยำและรวดเร็ว พร้อมผลักดันการใช้งานเทคโนโลยี Cell Broadcast อย่างเต็มรูปแบบภายในกรกฎาคมนี้ ชี้ต้องแจ้งเตือนได้เร็วกว่าระบบ SMS เพื่อปกป้องชีวิตประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะเดียวกันเร่งหารือเคลียร์บทบาท “ใครคือผู้มีอำนาจสั่งการ” ในภาวะวิกฤต

รัฐสภา : วันนี้ (8 เม.ย. 68) คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา จัดประชุมหารือแนวทางพัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ โดยมีนายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้แก่ AIS, True Corporation และ DTAC

ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการบูรณาการระบบเตือนภัยข้ามหน่วยงาน และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างแม่นยำ ครอบคลุม และรวดเร็วกว่าระบบ SMS ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาวะฉุกเฉินที่ต้องการการตอบสนองทันท่วงที

ผู้แทนจาก AIS และ True Corporation ได้เสนอแนวทางพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast System (CBS) ซึ่งสามารถส่งข้อความเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องในพื้นที่เสี่ยงได้ทันที แม้ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ระบบนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ CBE (ระบบจัดทำข้อมูล) และ CBC (ระบบกระจายข้อความ) โดย AIS ยืนยันว่า ระบบสามารถส่งข้อความแจ้งเตือนได้ภายใน 2 นาทีหลังได้รับข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ

ด้าน ผู้แทนจาก ปภ. เปิดเผยว่า ระบบ CBS เต็มรูปแบบจะพร้อมใช้งานภายในเดือนกรกฎาคม 2568 โดยในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านจะใช้ระบบ Virtual Cell Broadcast สำหรับผู้ใช้ Android และระบบ SMS สำหรับ iOS ไปก่อน ขณะเดียวกันได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติงาน (SOP) ใหม่ ให้ ปภ. สามารถส่งข้อความเตือนภัยได้ทันทีที่ได้รับข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อความซ้ำ ส่งผลให้ระยะเวลาการแจ้งเตือนภัยสั้นลงเหลือเพียง 1 ชั่วโมง พร้อมออกแบบข้อความให้กระชับ ถูกต้อง และเข้าใจง่าย

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการฯ ยังได้ตั้งข้อสังเกตต่อข้อจำกัดของระบบ SMS แม้จะเข้าถึงผู้คนได้กว้าง แต่มีความล่าช้าในการส่งข้อความ โดย นาวาตรี วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ห้า ชี้ว่า “การกระจาย SMS ให้ครบทุกหมายเลขอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง ซึ่งไม่ทันต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน”

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังได้หารืออย่างเข้มข้นถึง “บทบาทของผู้มีอำนาจในการสั่งการเตือนภัยฉุกเฉิน” ซึ่งยังเป็นประเด็นที่คลุมเครือและจำเป็นต้องชัดเจนยิ่งขึ้น โดย นางสาวชญาน์นันท์ ติยะตระการชัย รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในภาวะฉุกเฉินที่ต้องตัดสินใจรวดเร็ว ใครคือผู้มีอำนาจในการกดปุ่มเตือนภัยอย่างเป็นทางการ? เรื่องนี้ต้องมีคำตอบชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าหรือการโอนความรับผิดชอบระหว่างหน่วยงาน”

ข้อเสนอจากกรรมาธิการหลายท่านเห็นพ้องว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบควรได้รับ “อำนาจเฉพาะกิจ” ในสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยต้องกำหนดในระดับกฎหมายหรือระเบียบกลางให้ชัดเจนว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ปภ. หรือหน่วยงานใด เป็นเจ้าภาพหลักในการสั่งการให้ระบบ CBS ส่งข้อความเตือนภัย และหน่วยใดมีหน้าที่สนับสนุนในแต่ละขั้นตอน เพื่อให้การแจ้งเตือนเกิดขึ้นแบบไร้รอยต่อ

ด้าน นายสุทนต์ กล้าการขาย รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง เสนอให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ร่วมมือกันเชื่อมโยงระบบให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น ปภ. และกรมอุตุนิยมวิทยา ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมประสิทธิภาพของระบบเตือนภัย

ในช่วงท้ายของการประชุม ที่ประชุมยังได้สอบถามถึงความคืบหน้าของการปรับปรุงระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว โดยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติแจ้งว่า ได้มีการปรับระเบียบปฏิบัติ และเตรียมนำระบบ CBS มาใช้จริงในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ซึ่งจะนับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับระบบเตือนภัยของประเทศให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนาระบบเตือนภัยให้ทันสมัย รวดเร็ว และแม่นยำ โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ความปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อน พร้อมชี้ว่า “การบูรณาการเทคโนโลยีใหม่ การแก้ไขข้อจำกัดของระบบเดิม และความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน คือหัวใจของระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ”

หน้าแรก » การเมือง