"ชาติไทยพัฒนา" จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568  "วราวุธ" ชี้แจงผลงาน พม.  พร้อมยืนยันไม่มีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค และไม่มีสัญญาณปรับครม. พร้อมแสดงจุดยืนต่อร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และสถานการณ์การเมืองล่าสุด 

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568  ที่โรงแรมสองพันบุรี จ.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2568 ตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนด เพื่อรับรองกิจกรรมและงบการเงินของพรรค โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค สมาชิกพรรค และ ส.ส. เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

ในการประชุมมีการแจ้งความคืบหน้าโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง ปี 2567 และแผนงานปี 2568 รวมถึงพิจารณางบการเงิน และรายงานกิจกรรมของพรรคตลอดปีที่ผ่านมา โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในคณะกรรมการบริหารพรรค

นายวราวุธได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงผลการทำงานของกระทรวง พม. ย้ำวิสัยทัศน์ “พม. หนึ่งเดียว” ที่มุ่งสร้างความมั่นคงในชีวิตและสวัสดิการที่เหมาะสมให้แก่ประชาชน พร้อมระบุว่าการดำเนินงานต้องอาศัยการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศ

แจงกระแสข่าวโยกนั่ง รมว.ต่างประเทศ – ยัน ยังไม่รับสัญญาณปรับ ครม.
ขณะเดียวกัน นายวราวุธให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. โดยมีชื่อถูกโยกเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศว่า เป็นเพียงกระแสข่าวในโลกออนไลน์จากการพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง แต่ย้ำว่าการเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศต้องมีองค์ความรู้มากกว่าแค่ภาษาพูด พร้อมยืนยันยังไม่ได้รับสัญญาณใดจากนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับ ครม. และยังปฏิบัติหน้าที่ รมว.พม. ตามปกติ

“อย่าถามว่า ‘พร้อมหรือไม่’ เลยครับ เพราะพี่น้องข้าราชการทำงานเต็มที่อยู่ทุกวัน และผมยังได้รับพระบรมราชโองการให้ดำรงตำแหน่งนี้อยู่ ก็ขอให้ทุกคนทำงานต่อไปอย่างไม่ต้องกังวล” นายวราวุธกล่าว

หนุนศึกษาเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หากช่วยสร้างรายได้และงานแก่กลุ่มเปราะบาง
ในประเด็นร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. แล้วนั้น นายวราวุธระบุว่า รัฐบาลมีหน้าที่หารายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งรวมถึงงบสำหรับสวัสดิการประชาชน พร้อมระบุว่าหากโครงการดังกล่าวสามารถสร้างงานให้กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้พิการ และผู้สูงอายุได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าพิจารณา

“วันนี้ผู้พิการเกือบ 4 ล้านคน ยังมีงานทำไม่ถึงครึ่ง หากโครงการนี้ช่วยลดการพึ่งพาสวัสดิการรัฐได้ ก็ถือว่ามีมุมที่ดี แต่สุดท้ายต้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณาในสมัยประชุมหน้า” เขากล่าว