วันอาทิตย์ ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 12:55 น.

การเมือง

"มาริษ" หารือ JC อินโดฯ ร่วมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่งเสริมการค้าการลงทุนฮาลาล จับมือรักษาเสถียรภาพอาเซียน

วันเสาร์ ที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 12.28 น.

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวร่วมในการประชุมคณะกรรมการร่วม หรือ JC ครั้งที่ 10 ระหว่างประเทศไทย และอินโดนีเซีย ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐอินโดนีเซียว่า การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะตรงกับการครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย และอินโดนีเซียในปีนี้ ในการประชุมครั้งนี้ได้หารือกันอย่างครอบคลุมในหลากหลายหัวข้อ ทั้งการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี ระหว่างประเทศไทย และอินโดนีเซียให้เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เพื่อสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของหุ้นส่วนของเรา โดยเฉพาะความร่วมมือทางการเมือง และความมั่นคง ที่จะเพิ่มความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวง

ทางออนไลน์ ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ ทั้งระหว่าง 2 ประเทศ และระดับอาเซียน พร้อมยังตกลงที่จะเพิ่มความร่วมมือระหว่างหน่วยงานความมั่นคง เพื่อจัดการกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงแบบเก่าและรูปแบบใหม่ ตลอดจนสำรวจความร่วมมือในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และจะทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และเพิ่มการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงทวิภาคี

นอกจากนั้น ประเทศไทย ยังมุ่งหวังที่จะได้ต้อนรับการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ของประธานาธิบดีอินโดนีเซียเร็ว ๆ นี้ และจะส่งเสริมการหารือระหว่างผู้นำของเราอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงตกลงที่จะจัดการประชุมคณะกรรมการการค้าร่วมครั้งที่ 1 ในประเทศไทยโดยเร็วที่สุด เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศให้มากขึ้น

นายมาริษ ยังเปิดเผยว่า คณะกรรมการร่วมฯ ยังมุ่งหวังเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานการลงทุน เพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการลงทุนแบบสองทาง และจะเพิ่มความมั่นคงด้านอาหารผ่านการส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและการประมงที่ยั่งยืน ปรับปรุงมาตรฐานของอุตสาหกรรมฮาลาล หรือ ระบบนิเวศฮาลาล และยังจะเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และสำรวจการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ และเรือยอทช์ในฐานะพื้นที่ใหม่ของความร่วมมือ

พร้อมเปิดเส้นทางบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ-เมดาน โดยสายการบินไลอ้อนแอร์ในปีนี้ และสนับสนุนให้มีเส้นทางบินระหว่างจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพของประเทศของเราเพิ่มขึ้น

ส่วนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระดับนานาชาตินั้น นายมาริษ ย้ำว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันในการรักษาเอกภาพของอาเซียน และส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียนท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจระดับโลก ไทยและอินโดนีเซียซึ่งเป็นสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จะร่วมมือกันผลักดันการบูรณาการทางเศรษฐกิจของอาเซียนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและเสริมสร้างความสามารถในการรับมือของภูมิภาคต่อแรงกระแทกภายนอก

ในส่วนของเมียนมานั้น นายมาริษ เปิดเผยว่า ไทยและอินโดนีเซีย ตกลงที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยนำสันติภาพ และเสถียรภาพกลับคืนสู่เมียนมา โดยอาเซียนมีบทบาทนำ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ ร่วมกันของภูมิภาค พร้อมยังชื่นชมบทบาทของอาเซียน ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างรวดเร็วแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในเมียนมา

หน้าแรก » การเมือง