วันอังคาร ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 07:19 น.

การเมือง

"รักชนก" โพสต์จี้ "นายกฯอุ้งอิ๊ง" ปลดประธาน กสทช.ขาดคุณสมบัติพ้นจากเก้าอี้ 

วันจันทร์ ที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 09.50 น.

 “สส.ปากกล้า” รักชนก ศรีนอก โพสต์เฟซบุ๊กจี้นายกฯอุ้งอิ๊ง ปลด ประธาน กสทช.ขาดคุณสมบัติ พ้นจากเก้าอี้ ขู่ไม่ทำผิด ม.157 จ่อร้อง กมธ.สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบเช็คบิลดาบสอง

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568  นส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน โพสต์เฟสบุ๊คเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ดำเนินการตรวจสอบ นายสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พ้นจากตำแหน่งด้วยข้อหาขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง ประธาน กสทช. โดยระบุว่า “ข้อเท็จจริงเรื่องคุณสมบัติของประธาน กสทช. ชัดเจนจนจะทิ่มตาบอด แต่ประธานก็ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน กสทช. ได้ อย่างเหนียวแน่นขนาดนี้ มันเป็นเพราะอะไร?

ต้องถามแล้วว่าใครคือเทวดาประจำตัวที่คอยคุ้มครอง นายสรณ ประธาน กสทช. ผู้ที่เป็นเสียงชี้ขาดในการอนุญาตให้เกิดการควบรวม TRUE DTAC ที่ทำให้ผู้ใช้บริการค่ายมือและประเทศชาติเสียประโยชน์มหาศาล + ยังมีคำสั่งยกเลิกการสอบสวน ในกรณีที่ กสทช. อนุมัติเงินกองทุน กทปส. ใช้เงินแผ่นดิน 600 ล้าน ไปสนับสนุนลิขสิทธิ์บอลโลก ซึ่งเป็นที่กังขากับสาธารณะว่ามีความตั้งใจเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน TRUE หรือไม่? TRUE ออกแค่ 300ล้าน แต่ได้นัดสำคัญไปหมด และเจ้าอื่นต้องจอดำ (กรณีของนายไตรรัตน์ รักษาการเลขาธิการ กสทช. ในโพสต์ที่แล้ว)

ขนาดที่ประชาชน สำนักข่าว นักวิชาการ สส หรือแม้กระทั่ง สว. ที่เลือกนายสรณ มาเองกับมือ ยังมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้เลย และหลังสอบสวน ได้มีการทำรายงานสอบหาข้อเท็จจริงจนได้ความว่า นายสรณ ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม รวมถึงกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนสิ่งที่ห้ามทำ และ หากตีความตามกฏหมายต้องหลุดจากการเป็นกรรมการ กสทช. หรือเรียกได้ว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันแรกเลยด้วยซ้ำ!

แต่จนแล้วจนรอดจนถึงวินาทีนี้ นายสรณ ก็ยังนั่งเป็นประธาน กสทช. ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นไปได้แต่มันเป็นไปแล้ว เรื่องนี้ใหญ่มากเพราะกระทบกับผลประโยชน์ของประเทศชาติเพราะ กสทช. คือผู้กำกับดูแลบ่อเงินบ่อทอง “คลื่นความถี่” ซึ่งเป็นเงินแผ่นดินหลายหมื่นล้าน มันต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ถึงไม่มีใครทำอะไรคนๆนี้ได้ ซึ่งถึงที่สุดแล้ว คนที่จะต้องลงมือจัดการเรื่องนี้คือนายกแพทองธาร ไม่ได้โยง! แต่เหตุผลเพราะอะไรไอซ์จะมาไล่เรียงให้ทุกคนฟัง 

ตาม พรบ. กสทช. นายกรัฐมนตรีคือผู้รักษาการตาม พรบ เป็นผู้ทูลเกล้าชื่อของคนที่ได้รับการคัดเลือกและถูกรับรองและหาก นายสรณ ขาดคุณสมบัติในการเป้นประธาน กสทช. ผู้ที่จะต้องไปทูลเกล้าฯ เพื่อให้ออกจากตำแหน่งก็คือนายก

ดิฉันทราบดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ดังนั้นต้องทำให้ทุกอย่างมันรัดกุม ต้อง 100% ดังนั้นหากถามว่าจะรู้ได้ยังไงว่า นายสรณ ขาดคุณสมบัติจริง ๆ ไม่ได้กล่าวหากันไปเอง เพราะต่อให้แฟนบอลตะโกนกันทั้งสนามว่า “จารย์ มันฟาวล์” แต่คนเป่าฟาวล์จริงๆ ไม่ใช่แฟนบอล แต่คือ “กรรมการ” 

แล้วใครคือกรรมการในกรณีนี้ ? ใครจะเป็นผู้มีอำนาจชี้ว่า นายสรณ ขาดคุณสมบัติ เพื่อที่จะส่งไม้ต่อให้นายกฯ กราบบังคมทูลต่อไป

กรณีแบบนี้ถ้าเป็น พรบ อื่นๆ เจะกำหนดไว้ใน พรบ. ของหน่วยงานนั้นๆ เช่น พรบ. ปปช. กำหนดให้คณะกรรมการสรรหาเป็นผู้วินิจฉัย ว่าใครขาดคุณสมบัติ ดังนั้นเราก็ต้องไปดูกันที่ พรบ. กสทช. ว่ากำหนดให้ใครเป็นผู้ชี้ 

หลังจากนั่งอ่าน นอนอ่าน ใครผู้ชำนาญเรื่องกฏหมายช่วยอ่าน ก็พบว่า พรบ.กสทช ไม่ได้เขียนไว้ชัดเจน

อืม ช่องว่างทางกฎหมายหน้าตาเป็นอย่างนี้นี่เอง

แต่เป็นคนไทยต้องไม่ยอมแพ้ ต่อให้ พรบ. กสทช. ไม่ได้เขียนไว้มันก็ต้องมีสักหนทางสิ ขาดคุณสมบัติชัดเจนขนาดนี้ จะให้รอดอยู่จนครบวาระไปเฉย ๆ ได้ยังไง เงินเดือน 360,000 ปีละ 4ล้านกว่า วาระนึงนาน 6ปี ไหนจะเบี้ยประชุม เดินทางดูงานต่างประเทศ เบี้ยเลี้ยงอีก รวมๆแล้วหลายสิบล้าน จะให้อยู่ไปทั้งๆที่ขาดคุณสมบัติไม่ได้! 

แล้วก็นึกขึ้นได้ ประเทศเรามีคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ปรึกษากฎหมายของรัฐอยู่นี่ ถ้าไม่มีผู้ชี้ขาด หน่วยงานรัฐสามารถทำเรื่องไปถามกฤษฎีกา แต่คนธรรมดาทั่วไปไม่มีสิทธิ์ถามคนที่มีสิทธิ์ถามได้ หน่วยงานของรัฐ เท่านั้น! ซึ่งหน่วยงานที่จะถามได้มีเพียง กสทช.

เยี่ยม! งั้นก็ให้ กสทช. ถามกฤษฎีกาไปเลยว่า นายสรณ ขาดคุณสมบัติมั้ยจะได้จบ แต่ที่นี่ประเทศไทยอะค่ะ

จะส่งเรื่องไปถามกฤษฎีกา ก็ต้องถามบอร์ด กสทช. ว่ามีมติไหม การจะมีมติก็ต้องเอาเรื่องเข้าที่ประชุม แล้วใครคุมการนำวาระประชุมเข้า ก็ประธาน กสทช. 
ก็ นายสรณ เองนี่ไง!

แล้ว นายสรณ จะอยากส่งเรื่องถามให้ตัวเองหลุดจากตำแหน่งไหม แล้วถ้านายสรณ ไม่ถามซะอย่าง แค่นี้ก็ไม่มีใครทำอะไรได้แล้ว..

แต่เป็นคนไทยต้องไม่ยอมแพ้ นอกจาก นายสรณ แล้วมีใครถามได้อีก มันต้องมีคนอื่นอีกที่ถามได้ ใช่ เรามีสำนักงาน กสทช อ่าวแล้วใครคุมสำนักงาน กสทช. คำตอบ ก็เลขาธิการ กสทช. ไง!

แต่เลขาธิการ กสทช. คือใคร อนิจจาเวรกรรมของคนไทย ตอนนี้เรายังไม่มีเลขาตัวจริง มีแต่รักษาการเลขาธิการ กสทช. ซึ่งคือนายไตรรัตน์ จากโพสต์ที่แล้ว..

ทำไมนายไตรรัตน์มันไม่หลุดจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. สักที? ทั้งที่เคยถูกเสนอชื่อแล้วก็ไม่ผ่าน บอร์ดทำเรื่องขอปลดนายไตรรัตน์เพราะเกี่ยวพันกับการเอื้อประโยชน์กลุ่มทรู 600 ล้าน ก็แล้วแต่ นายสรณ ประธาน กสทช. ก็ไม่ยอมเซ็นปลดนายไตรรัตน์ ไม่ว่ายังไงก็ไม่เซ็น ท่องคาถา กูไม่เซ็นใครจะทำไม!

ก็เข้าใจได้ นายสรณ เซ็นปลดก็โง่แล้วเพราะขืนปลดนายไตรรัตน์ไป แล้วได้รักษาการเลขาคนใหม่มา แล้วไอ้คนใหม่มันไม่อยู่ข้างเดียวกัน มันทำเรื่องไปถามกฤษฎีกาว่า นายสรณ ขาดคุณสมบัติมั้ย นายสรณ ก็ซวยพอดี แล้วถ้านายสรณ ซวย นายไตรรัตน์ก็ซวยไปด้วย

เมื่อ 2 อำนาจใหญ่ใน กสทช. - ประธานกับรักษาการเลขาธิการกอดคอรักกันแนบแน่นแบบนี้ใครจะทำอะไรได้

คนไทยต้องสู้ภาค 3 ประธาน กสทช. ไม่ทำเรื่องถามกฤษฎีกา นายไตรรัตน์ ที่นั่งเป็นรักษาการเลขาธิการก็ไม่ทำเรื่องถาม แล้วยังเหลือใครที่ถามได้อีกบ้าง

คำตอบคือ “นายกฯ และคณะรัฐมนตรี”
คุณแพทองธาร คุณรู้ตัวใช่มั้ย ว่าตัวเองปลดล็อคเรื่องนี้ได้

เพราะตอนนี้หลายฝ่าย หลายหน่วยงานที่ถามกฤษฎีกาเองไม่ได้ ได้ยื่นหนังสือ ทำรายงาน ร้องเรียนไปยังนายกและคณะรัฐมนตรี หาก นายกและคณะรัฐมนตรี ตั้งใจที่จะแก้ไขดำให้เป็นขาว แก้เรื่องผิดให้เป็นถูก ก็ทำหนังสือสอบถามกฤษฎีกา เซ็นกริ๊กเดียว ถ้านายกสั่งเองรับรองว่าเรื่องจบได้เร้วแน่นอน 

แต่นี่ผ่านมาสามชาติเศษแล้ว เรื่องก็ยังเงียบ  หรือฉีกทิ้งลงถังขยะไปหมดแล้วเพราะไม่อยากถาม 

ทำไม?

เพราะถ้ากฤษฎีกาชี้ลงมา แพทองธารจะไม่มีทางเลือก ต้องนำเรื่องกราบบังคมทูลเพื่อให้ นายสรณ พ้นจากตำแหน่งประธาน กสทช. สถานเดียว หรือเพราะ นายสรณ เป็นญาติของใครในคณะรัฐมนตรีหรือเปล่าคะ? 

แต่หากนายกทราบแล้ว แค่ไม่ดำเนินอะไรให้เสร็จสิ้น จะเข้าข่ายกระทำผิด ม157 ฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่? 

กราบเรียนพ่อแม่พี่น้องที่ต้องจ่ายค่าเนตมือถือทุกท่าน ที่ผ่านมา ตั้งแต่การควบคุมที่ทำให้สัญญาณห่วยลงแต่ค่าบริการเพิ่มขึ้นโปรที่เคยได้ก็หายไป การกำจัด SMS หลอกลวงและเบอร์ม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ล่าช้า ทั้งหมดเพราะองค์กรอิสระ กสทช. ล้มเหลวจากภายใน ดิฉันไม่อยากทนให้คนเหล่านี้กัดกินประเทศได้อีกต่อไป ซึ่งดิฉันได้ส่งเรื่องเข้า กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐ ของ สส. รังสิมันต์ โรม เพื่อให้มีการพิจารณาชี้ขาดเรื่องนี้

สองเตตัสตัสเรื่อง กสทช มีโอกาสโดนแน่ๆสองคดี แต่ขอยืนยันว่าทั้งหมด เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ถ้ากระมิดกระเมี้ยนกันไป สุดท้ายแก้ไขอะไรให้ถูกต้องไม่ได้สักอย่าง ขอให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนโปรดจับตาเรื่องนี้ด้วย สิ่งที่แนบมาคือบางส่วนจากรายงานของ สว. ที่ชี้แล้วว่าขาดคุณสมบัติจริง

ถึง นายก โปรดพิจารณา แล้วทำอะไรสักอย่างได้แล้ว”
 

หน้าแรก » การเมือง