เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย ดร.ศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา รองเลขาธิการพรรค นายอดิลัน อาลีอิสเฮาะ กรรมการบริหารพรรค และนายอาลีฟ มาแฮ ประธานสาขาพรรคไทยสร้างไทย จังหวัดปัตตานี จัดประชุมสัมมนาสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วยจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ณ โรงแรมปาร์คอินทาวน์ อำเภอเมืองปัตตานี โดยมีสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยเข้าร่วมสัมมนากว่า 300 คน

นายชวลิตฯ ได้ทำหน้าที่เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาและปาฐกถาในหัวข้อ "พรรคไทยสร้างไทยกับแนวทางแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยนโยบาย 'การเมืองสุจริต' และ 'การเมืองนำการทหาร'" โดยได้กล่าวถึงปัญหาในภาพรวมของประเทศว่าปัจจุบันเต็มไปด้วย "การทุจริต" ในทุกระดับ ซึ่งสะท้อนด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ ดังนี้

1. กรณีตึก สตง. ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาร์
โดยเป็นตึกเดียวในประเทศไทยที่ถล่มพังราบลงมาทับคนงานตายและบาดเจ็บจำนวนมาก สะท้อนว่าโครงการก่อสร้างมีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ที่น่าสลดใจและน่าอับอายก็คือ การทุจริตนี้เกิดขึ้นกับหน่วยงานที่เป็นองค์กรอิสระ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นของส่วนราชการ แต่กลับเกิดการทุจริตขึ้นในหน่วยตรวจสอบเสียเอง สะท้อนว่าการทุจริตแทรกซึมไปทุกระดับแล้ว

2. มีการทุจริตในการเลือกตั้งทุกระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ คือ ส.ส., ส.ว. และระดับท้องถิ่น
ภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะก็คือ สื่อมวลชนทุกสำนักเชิญนักวิเคราะห์การเมืองให้ข้อมูลซึ่งชี้ตรงกันว่า ปัจจัยชี้ขาดในการเลือกตั้ง คือ "กระสุนดินดำ" ซึ่งก็ได้แก่การใช้เงินซื้อเสียงนั่นเอง

3. ครม. ตัวแทน ไม่ใช่ ครม. ตัวจริง
ส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่มีประสิทธิภาพ ครม. ชุดนี้หลายท่านเป็นรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจตัวจริง เห็นได้จากการแต่งตั้งลูกแทนพ่อ พ่อแทนลูก น้องแทนพี่ คนใกล้ชิดแทนผู้มีบารมีในพรรคที่ขาดคุณสมบัติ การบริหารราชการแผ่นดินจึงขาดประสิทธิภาพ

นอกจากนั้น การแต่งตั้งรัฐมนตรีได้ใช้ระบบโควต้า จึงเกิดการบริหารราชการแบบ "อาณาจักรใคร อาณาจักรมัน" และยังเกิดปรากฏการณ์ "งูเห่า" เพื่อเพิ่มสัดส่วนการแต่งตั้งรัฐมนตรี นับเป็นความเสื่อมเสียในด้านคุณธรรมและจริยธรรมอย่างยิ่ง

เมื่อการเมืองอยู่ในระบบ "การเมืองทุจริต" จึงเข้าลักษณะเข้ามาถอนทุน และสะสมทุนไว้ใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป การแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองจึงเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะเป็นดังกล่าวข้างต้น

สิ่งที่ยืนยันว่าประเทศไทยมีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในขั้นรุนแรงก็คือ องค์กรความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ได้เผยแพร่ผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริตคอร์รัปชั่น ประจำปี 2567 จาก 180 ประเทศทั่วโลก พบว่า ในคะแนนเต็ม 100 คะแนน ประเทศไทยได้คะแนนเพียง 34 คะแนน อยู่ลำดับที่ 107 ของโลก ขณะที่สิงคโปร์ ประเทศเพื่อนบ้านของเรา ได้คะแนน 84 คะแนน อยู่ลำดับที่ 3 ของโลก

จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรค เห็นว่า "การทุจริต" เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ จำเป็นจะต้องมีนโยบายสำคัญในการต่อต้านและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง จึงเห็นพ้องต้องกันชูธง "การเมืองสุจริต" เพื่อให้การแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเม็ดเงินงบประมาณจะเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

สำหรับนโยบายการแก้ไขปัญหา 3 จชต. นอกเหนือจากการชูธง "การเมืองสุจริต" แล้ว นโยบายเฉพาะพื้นที่ได้นำเสนอนโยบายที่เคยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองเป็นผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่มาแล้ว คือ การนำคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 มาปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และบริบทในพื้นที่ ให้ความสำคัญกับนโยบาย "การเมืองนำการทหาร" และยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" อย่างแท้จริง

นายชวลิตฯ ได้ปลุกใจสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยผู้เข้าร่วมสัมมนาว่า ประเทศเดินมาถึงจุดต่ำสุด คือ มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นในทุกระดับดังกล่าวข้างต้น เมื่อถึงจุดต่ำสุดแล้ว ไปต่อไม่ได้แล้วเพราะตัน ก็จะผงกหัวขึ้น

การจะผงกหัวขึ้นเร็ว เอาชนะ "การเมืองทุจริต" ได้ก็ต้องร่วมกันสร้าง "การเมืองสุจริต" เท่านั้น และพรรคการเมืองที่ชูธง "การเมืองสุจริต" คือ พรรคไทยสร้างไทย ที่มีหัวหน้าพรรคชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ผู้ไม่ยอมจำนนต่อปัญหาอุปสรรค ขอให้ได้รักษาอุดมการณ์ของพรรคไว้ด้วยเกียรติยศที่สั่งสมมากว่า 30 ปี

ในการเดินทางไปจังหวัดปัตตานีครั้งนี้ ได้รับโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ณ สำนักงานฯ ได้สนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาความร่วมมือ เพื่อร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการหาแนวทางแก้ไขปัญหา 3 จชต. นับว่าเป็นประโยชน์ยิ่ง ///