วันพุธ ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 11:50 น.

การเมือง

นายกฯพร้อมผู้นำอาเซียน ลงนาม "ปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน 2045: อนาคตร่วมกันของเรา"

วันจันทร์ ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 17.38 น.

นายกรัฐมนตรี พร้อมผู้นำอาเซียน ลงนาม "ปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน 2045: อนาคตร่วมกันของเรา"  เป็นแผนยุทธศาสตร์เสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง และมีศักยภาพในทุกมิติ  ร่วมวง ASEAN Youth ย้ำพลังของเยาวชนในการขับเคลื่อนอาเซียนไปข้างหน้า พร้อมสนับสนุนการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของเยาวชน เพื่อสร้างอนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืนให้กับภูมิภาค 

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568  

เวลา 17.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมพิธีลงนาม “ปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน 2045: อนาคตร่วมกันของเรา” (Kuala Lumpur Declaration on ASEAN 2045: Our Shared Future) ณ ห้อง Conference Hall 3 ชั้น 3 ศูนย์การประชุม Kuala Lumpur Convention Center (KLCC) กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
 
ก่อนการลงนาม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้กล่าวสุนทรพจน์ จากนั้นได้เชิญผู้นำอาเซียนบนเวที เพื่อร่วมลงนามนามปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน 2045: อนาคตร่วมกันของเรา (Kuala Lumpur Declaration on ASEAN 2045: Our Shared Future)
 
โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ปี 2568 ลงนามเป็นลำดับแรก และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ในฐานะประธานอาเซียน ปี 2569 ตามด้วยประเทศสมาชิกอื่น ๆ ตามลำดับชื่อประเทศภาษาอังกฤษ โดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ลงนามเป็นลำดับที่ 6 ต่อจากนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์

จากนั้น นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ปี 2568 มอบปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน 2045: อนาคตร่วมกันของเรา ที่ลงนามแล้วให้แก่เลขาธิการอาเซียน และถ่ายภาพการจับมือแบบวิถีอาเซียน (ASEAN Way) ร่วมกัน
 
นายจิรายุ กล่าวว่า วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2045 พร้อมทั้งแผนยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ดังกล่าว ซึ่งจะรวมเป็นชุดเอกสารเรียกว่า “ASEAN 2045: Our Shared Future” มีความครอบคลุมในด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้านความเชื่อมโยงและด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งเชิงสถาบัน เพื่อให้บรรลุการเป็นประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง มีนวัตกรรม มีพลวัต และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
 
“การลงนามในวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2045 จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและกับประเทศนอกภูมิภาคในประเด็นที่ไทยต้องการเพิ่มพูนศักยภาพ เช่น การเสริมสร้างความปลอดภัยและความมั่นคง การพัฒนาแรงงาน การส่งเสริมการสาธารณสุขการเสริมสร้างความเชื่อมโยง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและเป็นสิ่งที่ประเทศไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว” นายจิรายุ กล่าว
 

 ร่วมวง ASEAN Youth ย้ำพลังของเยาวชนในการขับเคลื่อนอาเซียนไปข้างหน้า

ทั้งนี้ เวลา 14.45 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม.) ณ ห้อง Ballroom 1 ชั้น 3 ศูนย์ประชุมกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur Convention Centre: KLCC) กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นางสาวแพทองธาร เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนเยาวชนอาเซียน (ASEAN Youth) โดยมีผู้นำและผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน เลขาธิการอาเซียน นายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเต (ในฐานะผู้สังเกตการณ์) และผู้แทนเยาวชนอาเซียน เข้าร่วม


 
ภายหลังเสร็จสิ้น นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของถ้อยแถลง ดังนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้มีโอกาสพบและรับฟังความคิดเห็นของผู้แทนเยาวชนอาเซียน เกี่ยวกับแนวทางในการสร้างอนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืนให้กับภูมิภาค โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า เยาวชนถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนอาเซียนไปข้างหน้า พร้อมทั้งเสนอ 3 แนวทางสำคัญ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของเยาวชนในอาเซียน ได้แก่
 
ประการแรก อาเซียนควรส่งเสริมบทบาทเชิงรุกของเยาวชนในการรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยทักษะและความสามารถของเยาวชน ทั้งในด้านการปรับตัว ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะดิจิทัล จะสนับสนุนให้เกิดสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลที่ส่งเสริมนวัตกรรม ซึ่งจะสร้างโอกาสใหม่ ๆ และความปลอดภัยในโลกออนไลน์
 
นอกจากนี้ พลังและความมุ่งมั่นของเยาวชนยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ผ่านการสนับสนุนด้านองค์ความรู้ เครื่องมือดิจิทัล และเวทีสำหรับการมีส่วนร่วม อาเซียน จะสามารถดึงศักยภาพของเยาวชนออกมาใช้เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน และสร้างภูมิภาคที่เข้มแข็ง พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้อย่างมั่นคง
 
ประการที่สอง อาเซียนควรลงทุนเพิ่มเติมในโครงการพัฒนาเยาวชน และส่งเสริมความร่วมมือข้ามพรมแดน เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงพลังในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของภูมิภาค โดยความคิดสร้างสรรค์และทัศนคติที่มุ่งมั่นของเยาวชนมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ผ่านการเรียนรู้ การริเริ่มของประชาคม และการมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย
 
ประการสุดท้าย อาเซียนต้องเตรียมความพร้อมของเยาวชนให้มีทักษะที่จำเป็นต่ออนาคต ผ่านการส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาและการฝึกอบรมที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม เพื่อให้เยาวชนมีทักษะการวิเคราะห์ (Analytical) และการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) ที่เข้มแข็ง บนพื้นฐานจริยธรรมและค่านิยมสากล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบ และมีบทบาทในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
 
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยพร้อมสนับสนุนการทำงานของเครือข่ายเยาวชนอาเซียน เพื่อเสริมสร้างมิตรภาพ ความเป็นเอกภาพ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือระหว่างกันเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างอนาคตของอาเซียนที่ครอบคลุม และยั่งยืน
 

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง