"ชวลิต ทสท." แนะรัฐบาลทำงานเชิงรุก เดินทางไปจีน-เมียนมาด่วน ใช้ช่องทาง MLC และ MRC แก้ไขปัญหาเหมืองแร่ปล่อยน้ำเสียที่มีสารหนู-ตะกั่ว ไหลลงสู่แม่น้ำสาย กก และโขง 

 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2868    นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้ความเห็นกรณีผู้ประกอบการเหมืองแร่ชาวจีนได้เข้าไปทำเหมืองแร่ทองคำในเขตประเทศเมียนมา แล้วปล่อยน้ำเสียจากการถลุงแร่ลงแม่น้ำสาย แม่น้ำกก และไหลผ่านไปยังแม่น้ำโขง โดยตรวจพบโลหะหนัก ได้แก่ สารหนู-ตะกั่ว ซึ่งเป็นพิษแก่ร่างกายมนุษย์ สัตว์น้ำ และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เท่าที่เห็นด้วยตาเปล่าพบว่า ปลาในลำน้ำเป็นแผลพุพอง จนชาวประมงขายปลาไม่ได้ ได้รับความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ

ที่สำคัญกว่านั้น น้ำในแม่น้ำดังกล่าวนอกจากใช้เพื่อการเกษตรแล้ว หลายหมู่บ้านยังใช้ในการทำประปาหมู่บ้าน และประปาของการประปาส่วนภูมิภาค หากไม่ขจัดปัญหาที่ต้นตอ คือ สถานที่ประกอบการเหมืองแร่ที่ประเทศเมียนมา และผู้ประกอบการเหมืองแร่ชาวจีน จะส่งผลให้พี่น้องชาวไทยหลายจังหวัด หลายอำเภอ ตกอยู่ในภัยอันตรายต่อสุขภาพขั้นร้ายแรงจากมลพิษดังกล่าวได้ เข้าลักษณะ "ตายผ่อนส่ง" นับว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง

นายชวลิตฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เท่าที่ติดตามข่าวจากสื่อหลายสำนักที่ให้ความสำคัญต่อความเดือดร้อนของประชาชนดังกล่าว มีข้อมูลว่า สถานการณ์ปัจจุบันราคาทองคำในตลาดโลกมีราคาสูงมาก และนับวันจะสูงมากขึ้น ๆ สาเหตุเกิดจากความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจจากนโยบายทางการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ทำให้ประเทศต่าง ๆ เพิ่มกำลังผลิตแร่ทองคำในแหล่งเดิม และหาแหล่งผลิตใหม่ ๆ โชคร้ายของประเทศไทยที่มีผู้ประกอบการเหมืองแร่ชาวจีนที่ไม่คำนึงถึงตัวบทกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมในการประกอบกิจการเหมืองแร่ เห็นแก่ได้ ลดต้นทุนการผลิต ไม่ทำการบำบัดน้ำเสียตามหลักวิชาการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยอย่างร้ายแรงต่อปัญหาดังกล่าว รัฐบาลได้มอบหมายให้รัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย สำรวจน้ำ สำรวจดิน เสนอแนะทำฝายดักตะกอนดิน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเชิงรับ และเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ

ความเดือดร้อนของประชาชนต่อมลพิษจากโลหะหนักดังกล่าว เป็นเรื่องร้ายแรงต่อสุขภาพประชาชน สัตว์น้ำ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรงยิ่งดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาทันกับสถานการณ์ความเดือดร้อน รัฐบาลจึงควรทำงานเชิงรุก มิใช่ทำงานตั้งรับในพื้นที่

ยกตัวอย่าง เมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลจีนได้ส่งนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มาพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทยและเมียนมา เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยสามารถส่งชาวจีน และอีกหลายประเทศที่กระทำผิดกฎหมายกลับประเทศจีนและประเทศต้นทางได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว กรณีนี้ก็เช่นกัน ผู้ประกอบการชาวจีนที่ประกอบกิจการกระทำผิดกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมต่อแม่น้ำนานาชาติ รัฐบาลจีนคงไม่ได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการชาวจีนไปกระทำผิดกฎหมายร้ายแรงดังกล่าวอย่างแน่นอน

ดังนั้น หนทางที่ถูกต้องและรวดเร็วคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยควรเดินทางไปเจรจากับผู้แทนรัฐบาลจีนและเมียนมาโดยเร็วที่สุด เพราะชีวิตของประชาชนคนไทยเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ขณะเดียวกัน ในฝ่ายราชการประจำ ควรใช้ช่องทางการเจรจาผ่านองค์กรความร่วมมือ 2 องค์กรโดยด่วน คือ กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation หรือ MLC) และคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission หรือ MRC) หวังว่ารัฐบาลจะรีบดำเนินการ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเป็นระยะต่อไป ///