เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9  มิย.  ที่วิทยาลัยการปกครอง อ.ธัญบุรี  จ.ปทุมธานี  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี วุฒิสภา จะเสนอให้นายกฯ อาศัยช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 เพื่อขอความเห็นจากสมาชิกรัฐสภา เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชาว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะพึ่งกลับมาจากเมืองนอก และลงพื้นที่อุบลราชธานีทันทีเมื่อวันที่ 8 มิย. ที่ผ่านมา เพื่อร่วมแก้ปัญหาบริเวณชายแดนไทยและกัมพูชา อีกทั้งตอนหลังมีเรื่องคดีฮั้วสว. และมีความพยายามโยงกับพรรคภูมิใจไทย   พวกตนก็ไม่ได้ติดต่อกับวุฒิสภา เพราะเดี๋ยวจะเป็นประเด็นกันอีก จึงต่างคนต่างอยู่ 

 เมื่อถามว่า มีรายงานข่าวแจ้งว่า คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลาง คณะที่ 26  ได้ออกหมายเชิญ นางสุขสมรวย วันทนียกุล สส. อำนาจเจริญ  และ นายพิชัย ชมภูพล สส. สุราษฎร์ธานี พรรคภูมิใจไทย มาชี้แจงข้อกล่าวหาได้มีการพูดคัยกับสส. ดังกล่าวแล้วหรือยัง   นายอนุทิน กล่าวว่า  ก็พูดคุยปกติในฐานะหัวหน้าพรรคและลูกพรรค ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีอะไรพร้อมไปชี้แจงทุกอย่าง เพราะทุกคนถูกกล่าวหาได้ และก็ต้องเตรียมข้อมูลหลักฐาน เอกสารไปชี้แจงข้อกล่าวหา 

 เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี ได้มีการแจ้งหารือเรื่องปรับครม.แล้วหรือยัง  นายอนุทิน กล่าวว่า  ไม่มีเพราะตอนนี้คุยเรื่องการเมืองไม่ได้หรอก เพราะตอนนี้ต้องดูแลประชาชน และ อธิปไตยของประเทศของเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุด  หลังเกิดปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย - กัมพูชา  

 เมื่อถามว่า นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย โพสต์ระบุ ฝ่ายการเมืองควรลดเรื่องการเมือง และโฟกัสเรื่องบ้านเมือง ก่อนจะไม่มีการเมืองให้เล่น เห็นด้วยหรือไม่ นายอนุทิน ตอนนี้มาทำงานกันแล้ว ไม่ต้องเล่นการเมืองกันแล้ว พวกตนก็เป็นข้าราชการฝ่ายการเมือง และมาทำงานกับฝ่ายข้าราชการประจำ ฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำ ถ้าทำงานกันได้ ไว้ใจซึ่งกันและกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน คนได้ประโยชน์ ก็คือประชาชนถือเป็นสุดยอดปรารถนาของพวกเราอยู่แล้ว 
 เมื่อถามย้ำว่านายกรวีย์ ระบุว่าหากเล่นการเมือง ในสถานการณ์เช่นนี้ เดี๋ยวจะไม่มีการเมืองให้เล่น  นายอนุทิน กล่าวว่า ”ถ้าอยากเล่นการเมือง ก็อย่าเล่นการเมืองกันเอง“
 
ย้ำมท.พร้อมเป็นแนวหลังชายแดนต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้ปชช. ทุกมิติ หลังกัมพูชาถอยทัพ   

นายอนุทิน  กล่าวถึงเมื่อวานนี้ (8 มิ.ย.68) ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และประชาชน ว่า แม้ทหารกัมพูชาจะถอยทัพ แต่กระทรวงมหาดไทย ยังอยู่ในพื้นที่เป็นแนวหลังสนับสนุนดูแลคุณภาพชีวิตประชาชน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ส่วนเรื่องแนวชายแดนเป็นเรื่องของทหาร 
 ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่เมื่อวานนี้มีเสียงสะท้อนความหวาดกลัวจากชาวบ้านหรือไม่ นายอนุทิน ยอมรับว่ามี แต่ให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และนายอำเภอ ไปทำความเข้าใจและให้ความมั่นใจชาวบ้าน ในส่วนที่พักของประชาชนที่เป็นชุมชนยังอยู่ห่างไกลบริเวณที่จะเกิดการปะทะกัน ส่วนพื้นที่แนวชายแดนที่เป็นอันตราย ทหารได้อพยพชาวบ้านออกมาในที่ปลอดภัยหมดแล้ว แต่ขอความร่วมมือว่าการเดินเข้าไปในป่า ไปเก็บของป่า ไปใช้ชีวิตตามวิถีชีวิตเดิมในช่วงนี้ขอให้งดเว้นไว้ก่อน 

 ส่วนวันที่ 11 มิ.ย.นี้ จะไปจ.อุบลราชธานี ประชุมผู้ว่าราชการ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีการเน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อเกิดอุทกภัย อุบัติภัยต่าง ๆ ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเฉพาะช่วงที่เกิดภัย แต่ต้องดูว่าเมื่อภัยพ้นไปแล้ว จะต้องนำความปกติสุขคืนมาให้เร็วที่สุดอย่างไร อย่างที่ชายแดนไทยกัมพูชา เคยมีนโยบาย เปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามการค้า ต้องไม่ทำให้สนามการค้ากลับไปเป็นสนามรบ ต้องรักษาเรื่องเศรษฐกิจ การหารายได้ การทำมาหากินของประชาชนไม่ให้เกิดผลกระทบ 

 อย่างไรก็ตาม เมื่อทหารกัมพูชาถอยทัพออกไปแล้วต้องมีแผนรับมือใหม่หรือตรึงกำลังไว้หรือไม่  นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของทหาร  กระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่ยันแนวหลังไว้ ดูในเรื่องของความพร้อม การรักษาพยาบาล การทำมาหากินของประชาชนไม่ให้เกิดผลกระทบ วิถีชีวิตของประชาชนต้องเป็นไปตามปกติ ซึ่งในสิ่งเหล่านี้มีตรงไหนที่มหาดไทยต้องเข้าไปดูแล เช่น ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. จะทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยแทนทหาร เป็นการแยกงานกันทำ แบ่งเบาภาระ พร้อมย้ำว่าช่วงนี้ต้องดูแลกันไปก่อน อย่างเช่นเมื่อวานได้มีการซ้อมเผชิญเหตุ โดยเฉพาะนักเรียน ชาวบ้าน ประชาชนทั่วไป ต้องไม่ได้รับผลกระทบและไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นเด็ดขาด 

 ผู้สื่อข่าวถามว่าการลงพื้นที่เมื่อวานนี้ของนายอนุทิน ทำให้เกิดเสียงชื่นชม ว่าเมื่อกลับจากต่างประเทศแล้วลงพื้นที่ทันที ท่ามกลางกระแสการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ นายอนุทิน กล่าวว่าวันนี้ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องการเมือง  เมื่อภัยศึกประชิดชายแดน  ภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ชัดเจนอยู่แล้วคือบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดังนั้น ต้องไป เพื่อให้คนที่ปกป้องชายแดนไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองอยู่แล้ว