"ภูมิธรรม"  เปิดเผยผู้นำเคลียร์แล้ว ปมพิพาทไทย-กัมพูชา เชื่อหลังถกเจบีซี เปิด-ปิดด่านปกติ  ขณะที่ "ฮุนเซน" ประกาศห้ามเขมรก่อความรุนแรงกับ "สถานทูตไทย" รวมทั้งคนไทยและบริษัทไทยในกัมพูชา หวั่นซ้ำรอยก่อจลาจลบุกเผาสถานทูตสมัยทักษิณ 

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ระบุถึงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา 14 มิ.ย.ว่า ผู้นำระดับสูงของทั้ง 2 ประเทศได้พูดคุยกันแล้ว โดยได้ข้อสรุปว่า อยากให้ความสัมพันธ์ยังคงอยู่ตามปกติ เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายส่วน ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง กับกระบวนการเจรจาโดยตรง ยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันต่อไป

"เราอยากเห็นความสัมพันธ์ที่ดีกันทั้งสองฝ่าย ในการประชุม เจบีซี ในวันที่ 14 นี้ จึงไม่อยากให้ มาวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง อย่าใช้แค่ความรู้สึก ซึ่งขณะนี้สถานการณ์มันเบาลงแล้ว เราอยากให้รักษาบรรยากาศในการเจรจาให้เป็นไปด้วยดี ขณะนี้เรามุ่งหวังที่อยากให้ 2 ฝ่ายแยกออกจากกัน เข้าสู่สภาวะปกติตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขอย้ำว่า จัดทำทุกอย่างได้กลับเข้าสู่ปกติ เช่น การเปิด-ปิดด่าน ผ่านกลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ให้ 2 ฝ่ายคุยกันในเรื่องรายละเอียด" นายภูมิธรรม กล่าว

ขณะเดียวกัน เราอยากรักษาความ สัมพันธ์ที่ดีไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจร่วมกัน เพราะบ้านเมืองกำลังร้อนเป็นไฟเกือบทุกจุดแล้ว ไม่อยากเห็นอะไรที่ทำให้เกิดความรุนแรง ขอให้ช่วยกันโดยจากนี้ไปให้รับฟังข้อมูลข่าวสารจากสองรัฐบาลเท่านั้น

เมื่อถามถึงกรณี สมเด็จฮุนเซน โพสต์เฟซบุ๊กต่อเนื่อง ล่าสุด ออกมาระบุ รัฐบาลไทยควบคุมทหารบางกลุ่มในกองทัพไม่ได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กำลังเคลียร์กัน เชื่อว่า น่าจะดีขึ้นตามที่ได้พูดคุยกัน ขอย้ำว่าให้รับฟังข้อมูลข่าวสารจาก 2 รัฐบาล ส่วนที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่าเพิ่งไปขยายความ ซึ่งขณะนี้เราได้มีการประสานงานในส่วนของเราให้เข้าใจตรงกันในทุกจุด

ทั้งนี้สื่อกัมพชารายงานล่าสุดอย่างเช่นขแมร์ไทม์ส์รายงานวันนี้(13 มิ.ย)ว่า สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาออกแถลงการณ์ต่อประชาชนกัมพูชาผ่านเฟซบุ๊กเช้าวันศุกร์(13)ส่งคำเตือนไปยังประชาชนที่ทำให้สามารถคิดไปถึงเหตุการณ์ โจมตีสถานทูตไทยประจำกัมพูชาเมื่วันที่ 29 ม.ค ปี 2546 ที่เกิดมาจากม็อบจลาจลชาตินิยมในเวลานั้นและตรงกับสมัยรัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรที่กำลังดำรงตำแหน่งนายกฯ

แถลงการณ์มีใจความว่า “ผมขออ้อนวอนต่อเพื่อนร่วมชาติของผมไม่ให้ก่อเหตุพฤติกรรมรุนแรงเป็นต้นว่า การประท้วงต่อสถานทูตไทย บริษัทไทย หรือพลเมืองไทยในกัมพูชา และอีกทั้งไม่ให้แสดงความเกลียดชังทางเชื้อชาติต่อพลเมืองไทยที่ส่วนใหญ่เป็นคนดี”

และเขาได้กล่าวฝากไปถึงรัฐบาลไทยของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรว่า “มีเพียงกลุ่มหัวรุนแรงและฝักฝ่ายทางการทหารบางส่วนเท่านั้นที่อยู่เบื้องหลังปัญหาเหล่านี้กับกัมพูชา เป็นเพราะเหมือนที่เป็นตามปกติที่รัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมกองทัพของตัวเองในแบบที่ประเทศของเราสามารถทำได้”