วันอาทิตย์ ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2568 13:38 น.

การเมือง

ส.อ.ท.ชี้กัมพูชาเรียกแรงงานกลับ ส.อ.ท.ชี้กระทบศก.-สังคม ร้องสองฝ่ายเร่งคลี่คลายปมชายแดน

วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 16.00 น.

ประธาน ส.อ.ท. เตือนแรงงานกัมพูชากว่าล้านคนอาจเผชิญปัญหาไร้งานเมื่อกลับประเทศ ชี้เศรษฐกิจเขมรไม่พร้อมรองรับ อาจกลายเป็นวิกฤตสังคม–เศรษฐกิจในประเทศต้นทางเอง  

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568    นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า การดำเนินการของไทยที่มีการปิดด่านเร็วขึ้น ภาคเศรษฐกิจการค้ายังไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนที่รับผลกระทบคือการขนส่งสินค้าที่ไม่ได้รับความสะดวกทั้ง 2 ฝ่าย จากการตรวจสอบที่ล่าช้าตามขั้นตอนของการยกระดับมาตรการค้าชายแดนดังกล่าวที่เกิดขึ้น รวมถึงเวลาผ่านแดนที่ลดลงทำให้สินค้ามีการตกค้าง มีผลทำให้ยอดขายลดลง โดยหากเป็นไปในรูปแบบดังกล่าวในระยะยาวจะไม่เป็นผลดีกับทั้งไทยและกัมพูชา

ขณะที่การปิดรับท่องเที่ยวจากกัมพูชา และไม่ให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไป ทำให้กัมพูชาได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะจากกลุ่มนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก หรือนักเสี่ยงโชคที่เดินไปกาสิโนในกัมพูชา ซึ่งส่งผลทำให้กัมพูชาขาดรายได้เป็นจำนวนมาก

นายเกรียงไกร กล่าวว่า มาตรการที่กัมพูชาจะไม่ซื้อสินค้าจากไทยนั้น ปัจจุบันเท่าที่สำรวจจากผู้ประกอบการในกัมพูชาพบว่า ยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะผู้ที่เคลื่อนไหวเป็นเพียงกลุ่มชาตินิยม แบบหัวรุนแรง แต่ประชาชนกัมพูชาส่วนใหญ่ยังดำเนินชีวิต และซื้อสินค้าตามปกติ เพียงแต่การขนส่งสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการปรับเวลาเปิด ปิดด่านทำให้มีปริมาณสินค้าลดลงเท่านั้น เพียงแต่ในระยะยาวหากสินค้าส่งออกไปเติมไม่เพียงพอก็อาจจะได้รับผลกระทการไม่ซื้อสินค้าไทยนั้น ระยะสั้นเชื่อว่าคงไม่ทำ แต่ระยะยาวอาจจะทำ แต่ประชาชนกัมพูาเองจะเดือดร้อนเ

ส่วนประเด็นที่กัมพูชาจะดึงแรงงานกลับประเทศนั้น เท่าที่ได้ตรวจสอบกับกระทรวงแรงงานพบว่า แรงงานที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องมีอยู่ประมาณ 4.3 แสนราย ขณะที่แรงงานผิดกฎหมายที่ลลักลอบเข้ามาน่าจะมีอีกประมาณ 2-3 เท่า โดยรวมก็อยู่ที่ประมาณกว่า 1 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่าแรงงานจากประเทศเมียนมา โดยแรงงานกัมพูชากระจายอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว บริการ และงานที่ต้องใช้แรงงานเข้มข้น ซึ่งแรงงานไทยไม่ทำ และอยู่ในภาคการเกษตรอีกบางส่วน โดยเป็นประเด็นที่ไม่น่าห่วง เพราะเศรษฐกิจของกัมพูชาไม่ค่อยดี และไม่น่าจะมีงานให้แรงงงานดังกล่าวเหล่านี้ทำเมื่อต้องกลับประเทศ

"เชื่อว่าแรงงานเหล่านี้กว่า 1 ล้านคนดังกล่าวไม่ต้องการกลับประเทศ โดยเฉพาะแรงงานที่ผิดกฎหมาย รวมถึงแรงงานในระบบบางส่วน เพราะส่วนใหญ่เข้ามาทำงานเพื่อส่งเงินไปยังที่บ้านเพื่อใช้จ่ายในครอบครัว นอกจากนี้ เมื่อนำแรงงานกลับประเทศยิ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาทางสังคม และเศรษฐกิจ เนื่องจากไม่มีงานให้ทำ รายได้ไม่สูงจะดำรงชีวิตอยู่อย่างไร ดังนั้น จึงมองว่าประเด็นนี้ก็ไม่น่าห่วงเท่าใดนัก"นายเกรียงไกรกล่าว

นายเกรียงไกรกล่าวย้ำว่า ในฐานะภาคเอกชนหวังว่าฝ่ายความมั่นคงด้านต่างประเทศจะสามารถทำให้สถานการณ์คลี่คลาย และกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมถึงทำให้ทั้งไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด มีการซื้อขายผ่านแดนกันได้เหมือนเดิมโดยเร็ว ไม่ยืดเยื้อ หรือบานปลายไปมากกว่านี้

หน้าแรก » การเมือง