วันอังคาร ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568 15:52 น.

การเมือง

กต. เชิญคณะทูตร่วมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ไทย - กัมพูชา  ไทยยึดทวิภาคี-สันติวิธี

วันจันทร์ ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 17.33 น.

เมื่อวันที่ 16  มิถุนายน 2568  นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในการบรรยายสรุปสำหรับคณะทูต เกี่ยวกับสถานการณ์ไทย - กัมพูชา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญเอกอัครราชทูตอุปทูต และผู้แทนจากสถานทูตซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เข้าร่วม โดยกล่าวบรรยายซึ่งมีใจความว่า ไทยมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชา ผ่านการหารืออย่างสันติวิธี และด้วยความปรารถนาดีต่อกัน (in good faith) บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และด้วยกลไกของกฎหมายระหว่างประเทศ 

โดยในระดับผู้นำของทั้งสองประเทศ ได้ร่วมกันหารืออย่างใกล้ชิด โดยได้มีการปรับกำลังของกองทัพระหว่างกัน เพื่อลดการเผชิญหน้าและลดความตึงเครียด แต่ยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาอธิปไตย และยืนยันว่า จะต้องมีการหารือในระดับทวิภาคีผ่านกลไก JBC ซึ่งประเทศไทยเชื่อมั่นว่า เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างกัน ซึ่งในการประชุม JBC ครั้งล่าสุด ที่กรุงพนมเปญ เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และนำไปสู่ความก้าวหน้าในด้านเทคนิคระหว่างกัน ซึ่งในการประชุม JBC ครั้งต่อไป ในเดือนกันยายนนี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ทั้งนี้ ในสถานการณ์ที่ยังคงดำเนินอยู่ ทั้งสองฝ่ายควรใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการแสดงความคิดเห็นในเชิงยั่วยุต่อกัน โดยเฉพาะใน Social Media ที่อาจเกิดการบิดเบือนข้อเท็จจริง นำไปสู่สถานการณ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น บ่อนทำลายความพยายามในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี

ทั้งนี้ ในการบรรยายดังกล่าว มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมจากสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ 80 คน จากประมาณ 40 แห่ง โดยมีระดับเอกอัครราชทูต 11 คน (ฟินแลนด์ อินเดีย เม็กซิโก กัวเตมาลา มัลดีฟส์ ติมอร์เลสเต เมียนมา เปรู อียิปต์) ระดับอุปทูต (ออสเตรีย เนปาล ปากีสถาน เช็ก นิวซีแลนด์ ชิลี นอร์เวย์ อาร์เจนตินา กัมพูชา) และผู้แทนระดับอื่น ๆ เข้าร่วม

อธิบดีสนธิสัญญาฯสอนมวย‘กัมพูชา’ ชี้กฎบัตรยูเอ็น-เอ็มโอยูปี 43 บอกชัดต้องเจรจาคู่กรณีก่อนร้องศาลโลก
 
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ แถลงเรื่องไทย-กัมพูชา ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้นำเรื่อง 4 พื้นที่ ไปร้องศาลโลก และไม่ได้นำมาพิจารณาในวงประชุมเจบีซี ขณะที่กลไกทวิภาคียังดำเนินต่อไปว่ามีความคืบหน้าจริง และขณะนี้ รัฐบาลไทยยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากฝ่ายกัมพูชาและศาลโลก อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ กำลังติดตามอย่างใกล้ชิดในรายละเอียดคำร้องของกัมพูชาว่าฟ้องอย่างไร เขาใช้ฐานอำนาจใด และกรมสนธิสัญญาฯ มีทีมเตรียมรับมือ ซึ่งได้ศึกษาประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงมีที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลกเป็นที่ปรึกษาให้กับเรา

นายเบญจมินทร์ กล่าวอีกว่า ตามหลักการจะนำเรื่องเข้าพิจารณาของศาลโลก ทั้ง 2 ฝ่ายต้องยอมรับ แต่ไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ตั้งแต่ปี 2503 เช่นเดียวกับ 118 ประเทศ ที่ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก เราจึงต้องพิจาณาอย่างถีถ้วนในการแก้ปัญหาข้อพิพาท ในลักษณะของข้อพิพาทและนัยยะอธิปไตยของแต่ละประเทศ ซึ่งตนขอใช้คำว่าน่าเสียดาย ก่อนจะไปศาลโลกทั้ง 2 ฝ่าย ควรมาตกลงกันก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องคนสองคนไปขึ้นศาล แต่จะต้องมีการตีกรอบไปขึ้นศาลแต่ประเด็นนี้กัมพูชา นำเสนอเรื่องต่อสาธารณะชน แทนที่จะพูดคุยกับรัฐบาลไทยและฝ่ายไทย เป็นเรื่องน่าเสียดายซ้ำสอง เป็นการปิดโอกาสที่ 2 ฝ่าย ได้พูดอย่างเปิดอกถึงความขุ่นข้อง หมองใจ หรือข้อติดขัดที่มีต่อกัน ทั้งนี้ ในเอ็มโอยูปี 2543 ข้อ 8 ระบุชัดเจนว่าหากมีปัญหาในการตีความ หรือการบังคับใช้เอ็มโอยูปี 2543 ให้ 2 ฝ่ายปรึกษาหารือหรือเจรจากันก่อน ดังนั้นการที่กัมพูชายื่นฟ้องศาลโลกเลย จึงเป็นการทำข้ามขั้นตอน อีกทั้งตามกฎบัตรสหประชาชาติเน้นย้ำให้คู่กรณีพูดคุยกันก่อน และมีกลไกอื่นๆอีกมาก ก่อนจะนำเรื่องไปศาลโลก แต่ปัญหาข้อเท็จจริงกรณีนี้ คือไม่เคยมีการพูดในการประชุมเจบีซีเลย

นายเบญจมินทร์ กล่าวว่า เรื่องเขตแดนเป็นเรื่องทางเทคนิค มีค่าใช้จ่าย เรื่องของกำลังคน และตามปกติ เมื่อศาลโลกตัดสิน ก็จะยึดตามหลักการ และให้คู่กรณีไปลงรายละเอียดในพื้นที่กันเอง สิ่งที่ตนอยากจะบอกคือหนีไม่พ้นการปักปันเขตแดน โดยอาศัยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งเราไม่ได้หลีกหนีอะไร แต่ขอให้อยู่กับข้อเท็จจริง เรามีกรอบทางกฎหมาย สนธิสัญญา เอ็มโอยูปี 2543 ที่พร้อมใช้ในการปฏิบัติงาน สุดท้ายขอย้ำว่าเรามีกลไกทวิภาคีที่มีประสิทธิภาพ ทั้ง เจบีซี , จีบีซี และ อาร์บีซี จึงอยากเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาใช้เครื่องมือที่เรามีอยู่ก่อน.
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง