วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568 11:44 น.

การเมือง

"รัฐบาลแพทองธาร" ออกแถลงการณ์ปมความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา สั่งพร้อมรับมือภัยคุกคาม ยันรัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี

วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 14.04 น.

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568  หลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าหารือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ขณะที่ผู้บัญชาการทหารเรือและผู้บัญชาการทหารอากาศติดภารกิจเดินทางไปราชการต่างประเทศ ได้มอบหมายให้ผู้แทนของกองทัพเรือและกองทัพอากาศร่วมประชุม ได้แถลงข่าว

โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอภัยประชาชนที่เกิดความไม่สบายใจจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เพราะไม่ทราบว่าจะถูกบันทึกคลิปไว้ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศได้ทำหนังสือประท้วงการกระทำของฝ่ายกัมพูชาไปแล้ว  โดยเชิญเอกอัคราชทูตกัมพูชา มายื่นหนังสือประท้วง แสดงความผิดหวังอย่างยิ่ง ที่มีการปล่อยคลิปเสียงออกมาเช่นนี้ ประเทศในโลกไม่มีใครทำแบบนี้ ที่นำข้อมูลสนทนา อัดคลิปมาเผยแพร่ การกระทำแบบนี้ไม่ควรเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก

ต่อมานาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์ เมื่อเวลา 13.30น ดังนี้ แถลงการณ์รัฐบาล "กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา" 

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น โดยทุกการดำเนินการเป็นไป ภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทั้งนี้เจตนาดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์และน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม

รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบไปมา ที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้

นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติหนึ่ง ที่ผู้นำประเทศโดยทั่วไปใช้แก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาล และเลือกใช้ถ้อยคำที่มุ่งโน้มน้าวให้กัมพูชาร่วมมือลดระดับการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญประการเดียว คือ ปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติ

รัฐบาลที่มาจากประชาชน ต้องปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน และต้องไม่แสดงออกเพียงมุ่งหวังคะแนนนิยมทางการเมือง เมื่อปรากฏเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจ และไม่มีความเคารพซึ่งกันและกันในการร่วมมือแก้ไขปัญหา รัฐบาลไทยจึงได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงเตรียมความพร้อมรับมือต่อภัยคุกคามของชาติ โดยนายกรัฐมนตรีได้ประชุมหารือและประสานการปฏิบัติกับผู้นำเหล่าทัพและฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิดเป็นเอกภาพ

ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมาเพื่อยื่นหนังสือประท้วง แสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกระทำของผู้นำกัมพูชา ซึ่งขัดต่อหลักปฏิบัติในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นสากล และจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเป็นลำดับต่อไป

ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ที่ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์ผืนแผ่นดินไทย ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีพลังใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าพลังสามัคคีของพี่น้องชาวไทย ไม่ตกเป็นเหยื่อของสงครามข่าวสารที่อาจมีผู้ไม่หวังดีมุ่งทำลายเอกภาพของฝ่ายไทย ด้วยปฏิบัติการหลายรูปแบบซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ

รัฐบาลขอให้คำมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่า จะทุ่มเทอย่างที่สุดเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พร้อมรับใช้และรักษาทุกชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างสุดความสามารถดังที่ได้ดำเนินการเสมอมา
 

หน้าแรก » การเมือง