เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้ยังคงมีช่องทางการสื่อสารและเจรจาระหว่างกันได้ แม้จะมีรายงานข่าวว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฮุน มาเนต แสดงท่าทีไม่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) อีกต่อไป แต่กระทรวงการต่างประเทศยังเชื่อมั่นว่าไม่ใช่การปฏิเสธอย่างเด็ดขาด และความร่วมมือยังสามารถดำเนินต่อในระดับต่าง ๆ ได้

ยันความสัมพันธ์ยังเปิด ช่องทางเจรจายังมี
นายมาริษ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ รวมถึงกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับมอบหมายให้ประเมินสถานการณ์ตามที่นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้สั่งการไว้ โดยในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ยังคงเดินหน้าผลักดันให้เกิดเวทีหารือในระดับทวิภาคีอย่างจริงจัง เพราะเป้าหมายหลักของรัฐบาลไทยคือหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากความตึงเครียดบริเวณชายแดน

“เราต้องพยายามทุกทางไม่ให้เกิดการปะทะ เพราะไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์ และในสถานการณ์โลกปัจจุบันก็ไม่เอื้อต่อความขัดแย้ง” นายมาริษกล่าว

ชี้ “ฮุน มาเนต” ยังไม่ปิดประตูเจรจา – ย้ำกลไกอื่นยังใช้ได้
ในกรณีที่มีรายงานว่า สมเด็จฮุน มาเนต ระบุจะไม่ร่วมเวที JBC อีกต่อไปนั้น นายมาริษระบุว่า แม้จะเป็นความคิดเห็นของผู้นำกัมพูชา แต่ยังไม่ถือว่าเป็นการปฏิเสธช่องทางการเจรจาโดยสิ้นเชิง และยังมีกลไกอื่น ๆ เช่น GBC และ RBC รวมถึงช่องทางทางการทูตที่ยังคงเปิดกว้าง

“จากสิ่งที่ผมติดตาม ผมไม่เชื่อว่าท่านฮุน มาเนต ปิดประตูเจรจาอย่างเด็ดขาด ท่านอาจแค่รอดูพัฒนาการและความคืบหน้าเท่านั้น เราจึงยังสามารถติดต่อกันได้เต็มที่ผ่านสถานทูตและช่องทางทางการทูตในหลายระดับ”

ปัดข่าวรั้งตัวเอกอัครราชทูตไทยลดระดับความสัมพันธ์
กรณีที่เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชายังไม่ได้เดินทางกลับไปประจำการที่กรุงพนมเปญ นายมาริษระบุว่า ยังอยู่ในระหว่างหารือราชการหลายประเด็น และการที่อุปทูตยังทำหน้าที่แทนได้ ก็ไม่ถือเป็นการลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแต่อย่างใด “นี่เป็นกระบวนการทางการทูตตามปกติ ไม่มีปัญหาในระดับสัมพันธ์เลย” เขากล่าว

ไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง – ไทย-กัมพูชายังคุยกันได้โดยตรง
เมื่อถูกถามว่า สถานการณ์ในขณะนี้จำเป็นต้องมีประเทศที่สามเข้ามาเป็นตัวกลางเจรจาหรือไม่ นายมาริษตอบชัดว่า “ไม่จำเป็น” โดยย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชายังแน่นแฟ้นพอที่จะพูดคุยกันโดยตรง ทั้งในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ระดับทูตที่ยังคงติดต่อกันเป็นประจำ

ปฏิเสธข่าวปรับ ครม. ไม่มีปัญหาหลังชื่อหลุด – ยันไทยไม่อ่อนข้อ
สำหรับกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีชื่อของตนถูกจับตาว่าอาจถูกเปลี่ยนตัว นายมาริษกล่าวว่า “ไม่มีปัญหาอะไร” และปฏิเสธว่ากระทรวงการต่างประเทศจะอ่อนข้อในการเจรจากับกัมพูชาเกินไป โดยยืนยันว่าไทยมีจุดยืนที่มั่นคง แต่อยู่ภายใต้แนวนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่เน้นการเจรจาและหลีกเลี่ยงความรุนแรงเป็นหลัก

“ไม่ใช่ว่าเราอ่อน เราเข้มอยู่แล้ว แต่เราใช้กลไกทูตในทุกมิติอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันความสูญเสียและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับทั้งสองประเทศ” นายมาริษกล่าว

เตรียมประชุม JBC เดือนกันยายนนี้
ปิดท้าย นายมาริษเปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) มีกรอบเวลาคร่าว ๆ แล้ว โดยคาดว่าจะจัดขึ้นได้ในช่วงเดือนกันยายน 2568 ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการฟื้นฟูการเจรจาและคลี่คลายปัญหาผ่านช่องทางที่เป็นทางการ.