วันเสาร์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 09:55 น.

การเมือง

ประธานวุฒิสภาชู 3 ยุทธศาสตร์หลัก ดันวิทยาศาสตร์ไทยสู่ความยั่งยืน

วันศุกร์ ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 10.39 น.

"มงคล สุระสัจจะ" ประธานวุฒิสภา เสนอ 3 แนวทางขับเคลื่อน วทน. ไทย—เน้นพัฒนาเทคโนโลยี รับมือสภาพอากาศ และยกระดับอาหารปลอดภัย หวังปักหมุดประเทศไทยสู่อนาคตยั่งยืน

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568  นายชิบ จิตนิยม สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วุฒิสภา ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ​ CA429 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) ที่ผ่านมา โดยนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้มีการพิจารณากรอบแนวทางการดำเนินการ 1.ขับเคลื่อนพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี 2.ขับเคลื่อนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม 3.ขับเคลื่อนด้านอาหารปลอดภัยเพื่อสุขสภาพที่ดี ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ของวุฒิสภา สู่เป้าหมายสนับสนุนประเทศไทยยั่งยืนต่อไป 

ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวถือเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันนโยบายด้าน BCG Economy (เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว) ควบคู่กับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ เพื่อสร้างฐานเศรษฐกิจที่สมดุลทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจให้กับประเทศ

ยกระดับวิทยาศาสตร์-นวัตกรรม พิชิตเป้าหมายโลก
จากการวิเคราะห์ในที่ประชุม พบว่า แม้ประเทศไทยจะมีกรอบนโยบาย Thailand 4.0 และ BCG Economy อยู่แล้ว แต่การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ยังคงต่ำ (คิดเป็นเพียง 1.14% ของ GDP) และประสบปัญหาสมองไหล (brain drain) อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้รัฐบาลตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลง 40% ภายในปี 2573 แต่ระบบฐานข้อมูลที่กระจัดกระจาย และกลไกตลาดคาร์บอนภายในประเทศยังไม่ชัดเจน

ด้านความมั่นคงอาหารและสุขภาพ แม้ไทยยังคงสถานะ "ครัวของโลก" และมีโครงสร้างมาตรฐาน GAP-GHP อยู่แล้ว แต่เกษตรกรรายย่อยยังเข้าถึงได้น้อย ขณะที่ปัญหาสารเคมีตกค้างยังสูง

วุฒิสภาหนุนเต็มที่ เสนอชุดนโยบายใหม่
เพื่อแก้โจทย์เชิงระบบเหล่านี้ คณะกรรมาธิการฯ จึงเสนอแนะให้ดำเนินการมาตรการเชิงนโยบาย ดังนี้

ตั้ง “กองทุนวิทยาศาสตร์วุฒิสภา” วงเงินปีละ 15,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุน Deep Tech ใน 3 ด้านหลัก

ผลักดัน พ.ร.บ.ข้อมูลสภาพภูมิอากาศและอาหาร เพื่อบังคับใช้มาตรฐาน Open-API และระบบ Blockchain ในห่วงโซ่อุปทาน

ออก “Global Talent Visa - STEM” เพื่อดึงดูดนักวิจัยต่างชาติและสนับสนุนการกลับประเทศของนักวิทยาศาสตร์ไทย

จัดตั้งแพลตฟอร์มคาร์บอนเครดิตในประเทศ พร้อมมาตรการจูงใจลงทุนใน CCUS และพลังงานหมุนเวียน

ยกระดับระบบ GAP สู่ Smart-GAP โดยเชื่อมระบบเซนเซอร์ IoT เพื่อตรวจสอบสารเคมีในฟาร์มแบบเรียลไทม์

วางเป้าหมาย: ศูนย์กลางนวัตกรรมยั่งยืนของอาเซียน
ทั้งนี้หาก 3 แนวทางหลักดังกล่าวได้รับการผลักดันอย่างจริงจัง โดยมีงบวิจัยต่อเนื่อง โครงสร้างข้อมูลร่วม และกลไกตรวจสอบที่โปร่งใส วุฒิสภาจะสามารถทำหน้าที่ “ตัวกลางนโยบาย” (Policy Broker) เชื่อมโยงทุกภาคส่วนเข้าสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ การทำให้ประเทศไทยกลายเป็น “ศูนย์กลางนวัตกรรมยั่งยืนแห่งอาเซียน” ภายในทศวรรษหน้า
 

หน้าแรก » การเมือง