วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568 13:33 น.

การเมือง

"ภูมิธรรม" ส่ง 2 กองร้อยปราบจลาจล สนับสนุนทหารคุมสถานการณ์ตาเมือนธม เล็งยกระดับเรียกทูตกลับประเทศ

วันจันทร์ ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 12.23 น.

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาหลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี โดยระบุว่า รัฐบาลยืนยันจุดยืนเดิมในการปกป้องอธิปไตยของชาติ พร้อมพยายามหลีกเลี่ยงการใช้กำลังหรือความรุนแรงที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

นายภูมิธรรมเปิดเผยว่า ไทยยังคงต้องการหลีกเลี่ยงภาวะสงคราม แต่หากมีการละเมิดอธิปไตยอย่างชัดเจนก็จำเป็นต้องตอบโต้ในระดับที่เหมาะสม พร้อมยืนยันว่าหลักฐานเกี่ยวกับทุ่นระเบิดในพื้นที่ เป็นชนิดที่ผลิตและวางใหม่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาสหประชาชาติ ไทยจึงได้รวบรวมหลักฐานส่งให้กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการในช่องทางการทูตและเตรียมยื่นเรื่องประท้วงอย่างเป็นทางการ โดยไม่ตัดความเป็นไปได้ในการถอนตัวแทนทางการทูต หากสถานการณ์ยืดเยื้อหรือรุนแรงขึ้น

ในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย นายภูมิธรรมเปิดเผยว่า ได้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เตรียมส่งกำลังตำรวจปราบจลาจล 2 กองร้อยจากกรุงเทพมหานคร เข้าเสริมกำลังสนับสนุนภารกิจของกองทัพบริเวณพื้นที่รอบปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยเจ้าหน้าที่จะประจำการในแนวหลัง ใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนตามหลักสากล เพื่อรับมือสถานการณ์อย่างรอบคอบ และจะมีการใช้กำลังพลหญิงจากทหารพรานเพื่อปฏิบัติภารกิจแนวหน้าในบางกรณี หลีกเลี่ยงภาพการใช้กำลังทหารโดยตรงกับประชาชนกัมพูชา

“ไทยไม่ได้ต้องการใช้ความรุนแรงกับประชาชน แต่หากเกิดสถานการณ์ที่ต้องตอบโต้ ก็พร้อมใช้มาตรการที่จำเป็น โดยไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปถึงเวทีระหว่างประเทศ เราต้องอดทน ไม่ให้สถานการณ์กลายเป็นข้ออ้างให้อีกฝ่ายกล่าวหาว่าไทยใช้กำลังเกินเหตุ” นายภูมิธรรมกล่าว

พร้อมกันนี้ เขายังเน้นว่าการหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีในศาลโลกเป็นเป้าหมายสำคัญของไทย โดยยืนยันว่าไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลในกรณีพิพาทเรื่องอธิปไตย พร้อมขอให้ฝ่ายความมั่นคงปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการยั่วยุ

ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่มีกลุ่มมวลชนชาวกัมพูชากว่าร้อยคนขึ้นไปยังพื้นที่รอบปราสาทตาเมือนธมว่า ถือเป็นการแสดงออกอย่างไม่จริงใจของรัฐบาลกัมพูชา ทั้งที่นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต เพิ่งประกาศว่าจะใช้ช่องทางเจรจาผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) แต่กลับมีการส่งมวลชนมากดดันพื้นที่ชายแดน

พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ได้มีการประสานกับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อควบคุมสถานการณ์ และล่าสุดได้มีข้อตกลงร่วมกันว่าทหารจากทั้งสองฝ่ายจะประจำพื้นที่ไม่เกินฝั่งละ 7 นายเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียด ส่วนประชาชนที่มีพฤติกรรมยั่วยุ จะต้องถูกควบคุมและนำออกจากพื้นที่โดยทหารเจ้าภาพฝ่ายตน

“หากรัฐบาลกัมพูชาบอกว่าไม่รู้เรื่อง ก็ต้องรีบแก้ไข อย่าปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดซ้ำซาก ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนและกดดันเรามากแล้ว” พล.อ.ณัฐพลกล่าว

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังคงเน้นการรักษาสถานะเดิมของพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม โดยไม่ยอมให้เกิดการรุกล้ำ แม้จะเผชิญกับการยั่วยุหรือความพยายามผลักดันเข้าสู่กระบวนการระหว่างประเทศก็ตาม โดยย้ำว่า ไทยพร้อมรับมือ แต่ไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียที่อาจลุกลามคล้ายสงครามในภูมิภาคอื่น เช่น ยูเครน ที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีการรบสมัยใหม่จนเกิดความเสียหายวงกว้าง


 

หน้าแรก » การเมือง