วันอาทิตย์ ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 22:21 น.

การเมือง

"แพทองธาร" ชี้ชนวนรบชายแดน อาจมาจากไทยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์จนกระทบผลประโยชน์กัมพูชา

วันเสาร์ ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 17.13 น.

นายกฯ เผยเบื้องหลังความตึงเครียดบริเวณชายแดน เริ่มจากปมเศรษฐกิจใต้ดิน–คอลเซ็นเตอร์ ย้ำไทยถูกยิงก่อน จึงจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องประชาชนและอธิปไตย 

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ภายหลังประชุมติดตามมาตรการรับมือ และการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา เสร็จสิ้น ว่า สถานการณ์ความรุนแรงเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่อยากให้เกิดขึ้น จนกระทั่งกัมพูชาได้เปิดฉากยิงก่อนในวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา และมีสำนักข่าวต่างประเทศได้ตั้งข้อสังเกต และมีหลักฐานว่าวันนั้นนักเรียนไทยในจังหวัดชายแดนเดินทางไปเรียนตามปกติ แต่ทางกัมพูชาไม่ได้ไปและมีการสั่งให้หยุดเรียน ซึ่งต้องดูข้อมูลเพิ่มเติมว่าจริงหรือไม่จริง เพราะหากไทยรู้ว่าจะยิงก็คงมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ในตอนนี้แม้ตนเองปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ ก็ยังคงรับฟังและติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อวานนี้ได้มีการอัปเดตกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมที่มีการเน้นย้ำว่าเรื่องยุทโธปกรณ์ของไทยมีความพร้อมไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนที่ไทยได้ใช้เครื่องบิน F-16 ไป เป็นเพราะทางกัมพูชามีการยิงเข้ามาถึงแหล่งชุมชนที่มีทั้งลูกเด็กเล็กแดงและเกิดผลกระทบกับประชาชนจริงๆ

โดยไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามรัฐบาล กองทัพและฝ่ายความมั่นคงได้ประสานงานอย่างต่อเนื่องและดูเรื่องนี้อย่างรอบคอบ หากถามว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องปล่อยให้หน้างานประเมิน แต่เราจะพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อปกป้องประเทศไทยของเรา และยืนยันว่าไทยไม่เคยเริ่มก่อนและไม่ต้องการใช้ความรุนแรงแต่เมื่อความรุนแรงมาถึง เราเองก็ต้องสู้และไม่ถอยเช่นกัน

นอกจากนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศยังได้แสดงหลักฐานความไม่ชอบธรรมของทางกัมพูชา ทั้งการละเมิดสนธิสัญญาและหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนและการไร้มนุษยธรรมอย่างรุนแรง เช่น การลอบวางทุ่นระเบิด ที่มีหลักฐานว่าเป็นการวางใหม่ ซึ่งผิดหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างยิ่ง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้บอกให้ทั่วโลกรับทราบและชี้แจงกับสื่อซึ่งเขาก็เชื่อในสิ่งที่เราพูด

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า สถานการณ์ตอนนี้สนับสนุนให้คนไทยเกิดความสามัคคีในชาติ ขอให้ทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน เรื่องขัดแย้งในประเทศยังรอได้ ซึ่งตอนนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าคนไทยรักคนไทยเองเป็นอย่างมาก ส่วนคำครหามากมายที่กำลังปั่นให้เกิดความเกลียดชัง ที่ระบุว่า 2 ตระกูลทะเลาะกัน จำได้หรือไม่ว่าหลายเดือนที่ผ่านมาดิฉันมีการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจังและได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดิฉันก็เกิดความสับสนที่ตอนนั้นที่ยังติดต่อกับทางกัมพูชาได้ ที่ได้รับแจ้งจากคนที่ทำหน้าที่แปลว่าทางกัมพูชาโกรธดิฉัน ดิฉันก็ได้โทรไปคุยส่วนตัวโดยที่ยังไม่มีเรื่องอัดคลิป จึงไม่ทราบว่าเขาเสียผลประโยชน์หรือไม่เพราะเรายืนยันว่าต้องการปราบยาเสพติด ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ ที่เป็นการตั้งใจของรัฐบาลอยู่แล้วและต้องทำ แต่เขาอยากให้เราพูดกันแค่ 2 ประเทศ ไม่ร่วมกับประเทศอื่น ที่มีทั้งลาว และเมียนมา ตนจึงให้ดำเนินการนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

พอกลับมานึกย้อน จึงได้ทราบว่าคือการแสดงความไม่พอใจตั้งแต่ตอนนั้นในการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะไม่มีประเทศใดไม่พอใจกับการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อประชาชนถูกหลอก รัฐบาลเข้ามาช่วยก็เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ก็เลยทำให้เข้าใจว่าเราคงไปขัดผลประโยชน์บางอย่างจึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ซึ่งดิฉันมั่นใจว่ารัฐบาลเข้ามาไม่ว่าจะนามสกุลชินวัตรหรือไม่ก็ต้องปราบเรื่องนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อคนไทยเช่นเดียวกับเรื่องยาเสพติด ไม่ทำก็ไม่ได้

พร้อมกันนี้  น.ส.แพทองธารยังได้โพสต์ผ่านสื่อออนไลน์ส่วนตัวว่า "ดิฉันขอย้ำและยืนยันในแถลงการณ์ของรัฐบาล ว่าการกระทำของกัมพูชา ถือเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง ขัดต่อหลักสันติวิธีภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและตามหลักมนุษยธรรมที่ประเทศไทยถือปฏิบัติมาโดยตลอด

สถานการณ์ความรุนแรงเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่ต้องการและพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เกิดขึ้น แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามเปิดฉากยิงก่อน ก็จึงจำเป็นต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาดและเหมาะสม

ถึงแม้ดิฉันจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ดิฉันได้รับฟังการรายงานและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และทำในสิ่งที่ดิฉันทำได้อย่างเต็มความสามารถ ดิฉันขอส่งกำลังใจและความห่วงใยไปยังเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานและพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เชื่อว่าทุกกลไกของรัฐบาล พร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของฝ่ายความมั่นคงและดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรี รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์เยียวยาสำหรับผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ 

ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศได้ใช้ทุกช่องทางสื่อสารกับประชาคมโลก เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงถึงสาเหตุความขัดแย้ง ซี่งเกิดจากการที่รัฐบาลไทยเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ ทำลายเครือข่ายผลประโยชน์มูลค่ามหาศาลซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอำนาจของกัมพูชา เพื่อปกป้องประชาชนไทย และอีกหลายประเทศที่เกิดความเสียหายจากขบวนการนี้ ดิฉันเชื่อว่านี่อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทางกัมพูชาโกรธหรือไม่ 

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังได้แสดงหลักฐานความไม่ชอบธรรมของกัมพูชา ทั้งการละเมิดสนธิสัญญา หลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลักสิทธิมนุษยชน และความไร้มนุษยธรรมอย่างร้ายแรง เช่น การลักลอบวางกับระเบิด การเริ่มต้นยิงก่อน การโจมตีเป้าหมายพลเรือนทั้งโรงพยาบาลและบ้านเรือน จนมีประชาชนไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ในเวทีระดับนานาชาติด้วย

สถานการณ์นี้ คนไทยต้องผนึกกำลังกัน สามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เราจะไม่ยอมแพ้ต่อวิธีการอันชั่วร้าย และจะไม่มีอะไรเอาชนะพลังสามัคคีของคนไทยได้ ข้อเสนอยุติความรุนแรงจากประเทศต่างๆ ดิฉันคิดว่ารัฐบาลพร้อมรับฟัง แต่สิ่งสำคัญคือท่าทีและความจริงใจ ซึ่งที่ผ่านมา เราไม่เห็นความน่าเชื่อถือของกัมพูชาในเรื่องนี้

ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม ดิฉันขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยกำลังพลและราษฎรในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ทรงรับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทุกรายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ดังกล่าว ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์  ยังความปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของครอบครัวผู้สูญเสียและผู้ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนพสกนิกรไทยทั่วประเทศ 

ภายใต้ภารกิจของกระทรวงวัฒนธรรม ดิฉันได้สั่งการเร่งด่วน 2 ภารกิจ คือ 

1) งานพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน : ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินงานพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน จะปฏิบัติงานตามหมายรับสั่งจากสำนักพระราชวังด้วยความสมพระเกียรติ และถูกต้องตามโบราณราชประเพณี

2) ภารกิจสนับสนุนอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายจากจังหวัด อาทิ การดูแลผู้บาดเจ็บ การจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของจำเป็น ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเยียวยาฟื้นฟูจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนส่งเจ้าหน้าที่เพื่อประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นตามภารกิจของกระทรวง อาทิ โบราณสถานต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อประเมินความเสียหาย และจัดหางบประมาณบูรณะซ่อมแซมต่อไป"

หน้าแรก » การเมือง