วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568 14:27 น.

การเมือง

กัมพูชาไม่จริงใจหยุดยิง! หลังรับปาก "ทรัมป์"  "บิ๊กเล็ก" ชี้พบยิงตั้งแต่เช้ามืด โยน กต. ฟ้อง "ฮุนเซน" เป็นอาญชากรรมสงคราม

วันอาทิตย์ ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 11.12 น.

กัมพูชาไม่จริงใจหยุดยิง! หลังรับปาก "ทรัมป์"  "บิ๊กเล็ก" ชี้พบยิงตั้งแต่เช้ามืด ยันไทยจริงใจแน่นอน เพราะห่วงประชาชน โยน กต.พิจารณาฟ้อง ฮุนเซน ต่อ ICC เป็นอาญชากรรมสงคราม ย้ำที่กองทัพเสียใจกัมพูชาเล็งเป้าหมาย พลเรือน รับ กัมพูชามีอาวุธหนักยิงระยะไกล มองไทยต้องกลับมาทบทวนการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ 

เมื่อวันที่ 27  กรกฎาคม 2568  พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึง สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศให้ ทั้ง 2 ประเทศ หยุดยิง แต่ทั้ง 2 ประเทศ ยังไม่มีการหยุดยิง ว่า ปฎิบัติของทางกัมพูชาทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน  ซึ่งศบ.ทก.จะเป็นผู้สนับสนุนปฏิบัติการทางทหาร  เมื่อคืนนี้ตนได้ร่วมประชุมกับ ประธานาธิบดีสหรัฐ  ซึ่งฝ่ายรัฐบาลไทยต้องฟังเสียงประชาชน เรามีกลไกมีรัฐบาล ไม่สามารถตอบได้ทันที คนที่อยู่ในวงจำนวนไม่มาก อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  และ นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และตน  ซึ่งเราจะดำเนินการได้แต่ขอให้เป็นไปตามกลไกตามกระบวนการของประเทศไทย เพราะไทยปกครองระบอบประชาธิปไตย เราฟังเสียงประชาชน เรามีกลไกรัฐบาล เราต่างจากกัมพูชา เพราะกัมพูชาปกครอง โดย คน 2 คน 3 คน จะไม่สามารถตอบได้ว่า Yes หรือ No เราต้องหารือรัฐบาลก่อน และที่สำคัญอย่างยิ่งเราต้องฟังเสียงประชาชนด้วย 

เมื่อคืนนี้ นายภูมิธรรม ได้ทวิตผ่าน X เพื่อฟังเสียงประชาชน ในฐานะรัฐบาล ศบ.ทก.ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ ในขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมด้วยเป็นตัวเชื่อมระหว่างกองทัพกับรัฐบาล ตนจะทราบข้อมูลทั้งสองทางเมื่อประชุมรัฐบาลก็จะมีข้อมูลกองทัพไปแต่เมื่อกลับไปคุยกับกองทัพก็มีนโยบายของรัฐบาลไปกำหนดกรอบไว้ให้ ซึ่งปัจจุบันนโยบายรัฐบาลอย่างเดียว คือปกป้องอธิปไตยและสนับสนุนกองทัพเต็มที่ 

พลเอกณัฐพล ยังย้ำว่า ประเทศไทยมีกลไกของรัฐบาลในการดำเนินการ ที่ต้องเป็นทางการ ไม่ใช่เป็นการส่วนตัว เราต้องฟังเสียงประชาชน เชื่อว่าไม่นานจะคลี่คลาย เพราะสังคมโลกจับตาดูอยู่ ว่าไทยมีความจริงใจหรือไม่ และไทยมีความจริงใจที่จะเจรจาหยุดยิง แต่ หารือกับรัฐบาลให้รอบคอบ และฟังเสียงประชาชน  

พลเอกณัฐพลยังระบุว่า  การยิงของกัมพูชาช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา สะท้อนว่ากัมพูชามีความจริงใจหรือไม่ ซึ่งหากตนเองเป็นกองทัพก็จะไม่มีความสบายใจ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2  ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่กัมพูชาถอนกำลังจากต้นพญาสัตตบรรณแต่ได้วางกับระเบิดไว้ นั่นคือสิ่งที่ไทยไม่สบายใจ เพราะเป็นการแสดงความไม่จริงใจของกัมพูชา  และไทยมีความจริงใจแน่นอนที่จะหยุดยิง เพราะเรามีความเป็นห่วงประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน 

”เราไม่คิดว่ารัฐบาลกัมพูชาจะไม่ปฏิบัติตามกฏหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาเจนีวา อนุสัญญาออตตาวา และหลักขาดหลักมนุษยธรรม และไม่คิดว่าในปี 2025 จะมีกองทัพ ประเทศในโลกปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้ “ 

พลเอกณัฐพล ยังกล่าวว่าตนเคยพูดว่าผลกระทบในครั้งนี้จะร้ายแรงกว่าปี 2554 ในฐานะที่ตนเคยเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก ที่ได้ประเมินสถานการณ์ต่างๆไว้ รวมถึงผลกระทบ พร้อมย้ำว่าการประทะครั้งนี้ผลกระทบจะรุนแรงกว่าปี 2554 แต่เมื่อเกิดแล้วก็จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดกับประชาชน

ส่วนข้อเสนอให้ยื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ต่อนายฮุนเซน ว่าเป็น อาชญากรรมสงคราม พลเอกณัฐพล บอกว่าขอให้เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่ในกรอบของกระทรวงกลาโหม เราแบ่งงานกัน ปกติกองทัพเราพร้อมปฏิบัติตามกรอบนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ

เมื่อถามว่าอะไรที่ทำให้มั่นใจว่ากัมพูชามีความจริงใจในการเจรจา เพราะที่ผ่านมาไม่มีอะไรมั่นใจได้เลย พลเอกณัฐพลกล่าวว่า ในมิติด้านการทหารถ้ากัมพูชาหยุดยิงเป็นเวลาสักระยะหนึ่ง  แต่กลับเพิ่งคุยกับ ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ตอนห้าทุ่ม แต่เมื่อตอน 02.00 น.ก็เริ่มยิงอีกครั้ง ซึ่ง ทางการทหารมองว่า ไม่จริงใจ  ซึ่งวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทยและกัมพูชาจะได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งตนได้มีการรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยว่าทางกัมพูชาได้มีการยิงประเทศไทยในเวลา 02:00 น. 

“สิ่งที่กองทัพรู้สึกเสียใจ คือ เป็นเป้าหมายพลเรือน เพราะเขาไม่สนใจ มีกระสุนปืนใหญ่ตกไป 3 นัด แต่โชคดีที่กระทรวงมหาดไทยอพยพประชาชนออกไปแล้ว เบื้องต้นไม่ได้รับรายงานการสูญเสีย แต่ก็เสียใจ  และทำให้ความไว้วางใจตอนนี้ยังไม่มี ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เรียนแจ้ง นายภูมิธรรมและนายแพทย์พรหมินทร์ไปเรียบร้อยแล้ว ว่าได้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลทรัพย์สินของประชาชน  เพื่อประชาชนจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล“

เมื่อถามว่า กัมพูชามีอาวุธหนักยิงระยะไกลกว่า 100 กิโลเมตร มีความกังวลหรือไม่หากจะมีการใช้อาวุธดังกล่าวและจะมีผลกระทบในวงกว้าง   พลเอกณัฐพล ยอมรับว่ามีความกังวล  กังวลมานานแล้ว เพราะบอกประชาชนมานานแล้วว่าเราทราบ  ที่ผ่านมาไม่อยากพูดประเด็นนี้ กลัวจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ และตำหนิ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เราต้องบอกความจริงกัน ที่ผ่านมากองทัพถูกตัดลดงบประมาณ ในการจัดซื้อ อาวุธยุทโธปกรณ์ ซื้อเท่าที่จำเป็น  อาวุธที่ใช้ในการรุกรานจะไม่ซื้อ จะซื้ออาวุธที่ใช้ในการป้องกันรักษาอธิปไตยเท่านั้น ซึ่งไทยมีอาวุธที่ใช้ในการรุกรานเพียงจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มาก แต่ของกัมพูชา มี 6 ระบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพจะต้องมาทบทวนในเรื่องนี้  ต้องคุยกับรัฐบาลว่าหลังจากนี้ ต้องขอความกรุณาประชาชนและความเห็นใจให้กับกองทัพ แต่ไม่ใช่ว่าพอ ขอความเห็นใจจากประชาชนแล้วจะจัดหาแบบกอบโกยก็ไม่ได้  ยืนยัน ว่าในช่วงที่ทำหน้าที่อยู่จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเป็นอันขาด
 

หน้าแรก » การเมือง