วันอังคาร ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 09:32 น.

การเมือง

ไทยส่งศพทหารเขมรอย่างสมเกียรติ ท่ามกลางไฟสงครามชายแดนเดือด

วันจันทร์ ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 09.50 น.

ศบ.ทก.เตือนกัมพูชาอาจรุกหนักก่อนเจรจาสันติภาพ กองทัพไทยย้ำสิทธิในการป้องกันตนเอง ขณะที่สุรินทร์ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติสงครามแห่งแรกของประเทศ 

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568  เพจ rmy Military Force - สำรอง ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า กองทัพไทยแสดงออกถึงการให้เกียรติต่อทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตในสมรภูมิ แต่ IO กัมพูชาบิดเบือนข้อมูลเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
 
แม้ว่าทหารไทยจะแสดงออกซึ่งความเคารพอย่างสูง โดยการจุดธูปขอขมาศพทหารกัมพูชาผู้เสียชีวิตในสมรภูมิ เพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารทุกฝ่ายที่พลีชีพ ซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณของความเป็นทหารที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่กลับพบว่ากลุ่มปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกัมพูชา กลับนำภาพการส่งมอบศพทหารฝ่ายตนเองไปบิดเบือน
 
การกระทำดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อปั่นกระแสและหลอกลวงประชาชนชาวกัมพูชาด้วยกันเอง โดยมีเป้าหมายทางการเมืองเพื่อรักษาอำนาจของระบอบฮุน เซน และสร้างความเกลียดชังต่อประเทศไทยในหมู่ชาวกัมพูชาให้เพิ่มมากขึ้น สิ่งที่น่าสังเกตคือ ฝ่ายกัมพูชาไม่เคยออกมาแถลงแก้ไขข่าวเกี่ยวกับการที่ทางการไทยส่งมอบศพทหารกัมพูชาคืนให้จริงแต่อย่างใด หรือเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาหยุดการเผยแพร่หรือด้อยค่าศพทหารของตนเอง การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการย่ำยีและทำลายศักดิ์ศรีของทหารผู้เสียชีวิตจากฝ่ายตนเองในสมรภูมิ ซึ่งเป็นสิ่งที่รับไม่ได้และไม่เป็นไปตามหลักปฏิบัติสากลของนานาชาติ

ศบ.ทก.ชี้ชายแดนเดือด เขมรอาจรุกหนักก่อนเจรจา — ไทยยันตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้รับรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 เกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งยังคงตึงเครียดอย่างสูง และคาดว่ากัมพูชาอาจเตรียมเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่ก่อนเข้าสู่การเจรจา

รายงานระบุว่าการปะทะยังดำเนินอยู่ในพื้นที่สำคัญ 7 แห่ง แม้จะลดลงจากวันก่อนหน้า โดยพื้นที่ภูมะเขือและช่องอานม้า มีการตรึงกำลังเข้ม ฝ่ายกัมพูชามีกระแสข่าวเสริมกำลังเข้าไป ขณะที่ฝั่งไทยยังสามารถควบคุมพื้นที่ได้ตามแผนที่เส้นปฏิบัติการ 1:50,000

บริเวณหน้าเขาพระวิหาร ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธซุ่มยิงจากปราสาทพระวิหารโจมตีไทย ส่วนที่ช่องจอม มีการใช้อาวุธหนักถล่มบ้านเรือนประชาชน และพยายามส่งรถถังเข้าสู่พื้นที่ช่องกร่าง ขณะที่ปราสาทตาเมือนธม กัมพูชาเปิดฉากรุกจากทิศตะวันออกตลอดทั้งวัน แต่ถูกฝ่ายไทยยิงตอบโต้ด้วยปืนใหญ่จนต้องถอยร่น

เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเมื่อเวลา 06.30 น. ของวันที่ 27 ก.ค. กัมพูชายิงจรวดจากสนามบินกรุงสำโรงจำนวน 4 ลูก ตกในเขต ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย และบ้านเรือนเสียหาย รวมถึงสัตว์เลี้ยงตายอย่างน้อย 5 ตัว

ศูนย์ปฏิบัติการฯ รายงานยอดผู้ได้รับผลกระทบในวันที่ 27 ก.ค. ดังนี้
พลเรือน: เสียชีวิต 14 ราย, บาดเจ็บ 37 ราย (สาหัส 12, ปานกลาง 12, เล็กน้อย 13)
ทหารไทย: เสียชีวิต 8 นาย, บาดเจ็บ 103 นาย
อพยพประชาชน: รวมทั้งสิ้น 139,646 คน ใน 7 จังหวัดชายแดน โดย จ.ศรีสะเกษมีจำนวนมากที่สุดถึง 62,691 คน

"กองทัพไทย" ประณามการกระทำป่าเถื่อนของเขมร
พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองทัพไทย ออกแถลงการณ์ประณาม พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชา ที่กล่าวหาไทยเป็นฝ่ายเริ่มปะทะ ว่าเป็น “การบิดเบือนข้อมูลอย่างหน้าไม่อาย” พร้อมยืนยันว่าไทยมีสิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 และจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องประชาชนและอธิปไตยของชาติ

นอกจากนี้ มีรายงานว่าฐานทหารกัมพูชาบนภูมะเขือได้รับความเสียหายอย่างหนักจากปฏิบัติการทางอากาศของเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen ของกองทัพอากาศไทยเมื่อวันที่ 26 ก.ค. โดยภาพถ่ายเผยให้เห็นสภาพพังราบของฐานและสิ่งปลูกสร้างบริเวณโดยรอบ

ผู้ว่าฯ สุรินทร์ ประกาศเขตภัยพิบัติสงครามจังหวัดแรกของไทย
นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศยกระดับสถานการณ์ในพื้นที่แนวชายแดนเป็น “ภัยพิบัติสงคราม” เพื่อให้สามารถใช้กลไกและงบประมาณรัฐเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มที่ โดยเน้นให้องค์กรปกครองท้องถิ่นดูแลความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

แรงกดดันระหว่างประเทศเริ่มเพิ่มขึ้น
สหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ นายมาร์โค รูบิโอ เรียกร้องให้ไทยลดความตึงเครียดและเข้าสู่การหยุดยิงกับกัมพูชา พร้อมเสนอความช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ย ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความมั่นใจหลังได้สนทนากับผู้นำทั้งสองประเทศว่า “ไทยและกัมพูชาต้องการยุติปัญหา”

ด้านจีน ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อสถานการณ์ พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศยุติความรุนแรงและใช้การเจรจาอย่างสันติ เพื่อคืนสู่สันติภาพโดยเร็วที่สุด และเน้นย้ำบทบาทของอาเซียนในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง

ไทยยืนยันยึดหลักสันติ แต่ขอปกป้องอธิปไตยอย่างถึงที่สุด
กองทัพไทยและรัฐบาลยังคงยืนยันแนวทางใช้สันติวิธีในการแก้ไขข้อพิพาทตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่หากยังคงมีการรุกราน ฝ่ายไทยจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชน

หน้าแรก » การเมือง