พลังประชารัฐย้ำจุดยืน "ปกป้องแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้ว"  เสนอ 4 มาตรการตอบโต้กัมพูชา – แนะเร่งสร้างกำแพงถาวร

เมื่อวันที่ 29   กรกฎาคม 2568    พรรคพลังประชารัฐแถลงแสดงจุดยืนอย่างแข็งกร้าวต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่ทวีความตึงเครียด พร้อมเสนอ 4 มาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นผู้นำการประชุมกรรมการบริหารร่วมกับสมาชิกพรรคและแกนนำอย่างพร้อมเพรียง

พล.อ.ประวิตร ระบุชัดว่า รัฐบาลต้องดำเนินการตอบโต้เชิงยุทธศาสตร์ เพื่อไม่ให้การละเมิดซ้ำซากกลายเป็นเรื่องปกติ โดยเสนอ 4 มาตรการหลัก คือ

ตอบโต้ทางการทูตและความมั่นคงโดยทันที เพื่อยืนยันอธิปไตยของไทยทุกตารางนิ้ว

ให้นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภาและประชาชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความโปร่งใส

ตั้งคณะกรรมการวิสามัญติดตามสถานการณ์ชายแดน พร้อมตรวจสอบบทบาทนักการเมืองที่อาจขัดขวางภารกิจฝ่ายความมั่นคง

สร้างกำแพงคอนกรีตถาวรในพื้นที่ชายแดนเสี่ยงสูง เพื่อป้องกันการลุกล้ำอย่างเป็นรูปธรรม

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “แผ่นดินไทยไม่ใช่พื้นที่ให้ใครเข้ามาเหยียบย่ำแล้วจากไปโดยไม่รับผิดชอบ ชีวิตทหารไทยไม่ควรถูกมองข้ามจากฝ่ายการเมือง”

ชี้รัฐบาลล้มเหลว - ข้อตกลงหยุดยิงไร้ผล
ทางด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี รองเลขาธิการพรรคฯ กล่าวถึงผลการเจรจาระหว่างไทย–กัมพูชา ซึ่งมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะไทย โดยชี้ว่า การตกลงหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขที่รัฐบาลประกาศนั้น “ล้มเหลว” โดยสิ้นเชิง

“ถึงเวลาเส้นตาย 00.00 น. ของวันที่ 29 กรกฎาคม กัมพูชายังคงยิงต่อเนื่อง ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยอย่างร้ายแรง การเจรจาเช่นนี้ไม่อาจเรียกว่าความสำเร็จได้” ม.ล.กรกสิวัฒน์กล่าว

พร้อมกันนี้ พรรคยังตั้งข้อสังเกตถึง ภาษากาย และการแสดงออกของผู้นำฝ่ายไทยที่ “ไม่มั่นใจ ขาดความเด็ดขาด” เมื่อเปรียบเทียบกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ที่แสดงความมั่นใจในเวทีระหว่างประเทศ

เรียกร้องเปิดเผยข้อมูลการเจรจา – ไม่ยอมให้ประชาชนอยู่กับความเสี่ยง
พรรคพลังประชารัฐเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลการเจรจาต่อประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ว่าการดำเนินการนั้นก่อให้เกิดความมั่นคงอย่างไรในระยะยาว พร้อมตั้งคำถามว่า หากไม่มีแผนยุทธศาสตร์ในการรับมือกัมพูชาอย่างจริงจัง เท่ากับ “ปล่อยให้ทหารและประชาชนอยู่กับความเสี่ยง”

“เราขอยืนหยัดเคียงข้างทหารกล้า และประชาชนทุกชีวิตที่อยู่ภายใต้เสียงปืน เราจะไม่ปล่อยให้ประเทศเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความอ่อนแอเพราะการเมืองล้มเหลว” พลังประชารัฐระบุ