วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568 14:59 น.

การเมือง

วิเคราะห์แนวคิดสันติภาพของกัมพูชา กรณีละเมิดการหยุดยิง

วันพุธ ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 14.57 น.

บทความนี้มุ่งวิเคราะห์แนวคิดสันติภาพของกัมพูชาในบริบทของการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงกับประเทศไทย ณ พื้นที่ชายแดนในช่วงปี 2568 ซึ่งแม้จะมีการประกาศยุติความรุนแรงร่วมกันในนามของสันติภาพ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังกลับสะท้อนถึงการขัดแย้งในแนวคิดและการปฏิบัติจริงของฝ่ายกัมพูชา

บทความนี้จะใช้กรอบทฤษฎีสันติภาพในระดับพฤตินัย (Negative vs. Positive Peace), การทูตเชิงสมานฉันท์ (Reconciliatory Diplomacy) และหลักธรรมทางพุทธในการประเมินพฤติกรรมรัฐ และผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาคมระหว่างประเทศ

1. บทนำ
แม้จะมีการตกลงหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา โดยมีการสนับสนุนจากนานาชาติ เช่น สหรัฐฯ ฝรั่งเศส และองค์กรความมั่นคงต่าง ๆ แต่ข้อเท็จจริงในภาคสนามยังพบเหตุการณ์ยิงปะทะ การเคลื่อนกำลังทหาร และการใช้สงครามข่าวสารอย่างต่อเนื่องจากฝั่งกัมพูชา เหตุการณ์เหล่านี้ตั้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับแนวคิดสันติภาพของกัมพูชา ว่าเป็นเพียงวาทกรรมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ หรือมีความจริงใจในกระบวนการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน

2. แนวคิดสันติภาพในบริบทของกัมพูชา
แนวคิดสันติภาพของกัมพูชานั้นปรากฏในถ้อยแถลงทางการทูต ซึ่งมักกล่าวถึง “มิตรภาพ ความร่วมมือ และอธิปไตย” แต่ในทางพฤตินัยกลับพบพฤติกรรมที่สวนทาง เช่น

การไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง
การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนที่ยังอยู่ระหว่างพิพาท
การสร้างภาพให้ไทยเป็นฝ่ายรุกรานผ่านสื่อภายในและภายนอกประเทศ

ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงสันติภาพเชิงลบ (Negative Peace) คือ การไม่มีสงครามแบบเปิดเผย แต่ยังคงมีโครงสร้างความขัดแย้งอยู่ภายใน และไม่มีกระบวนการฟื้นฟูความไว้วางใจอย่างแท้จริง

3. กรณีละเมิดการหยุดยิง: การปฏิเสธแนวทางสันติภาพเชิงบวก
แนวคิดสันติภาพเชิงบวก (Positive Peace) หมายถึง การพัฒนาโครงสร้างที่นำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ปราศจากความกลัวและความเกลียดชัง แต่การกระทำของกัมพูชา เช่น

การยิงตอบโต้แม้ไม่มีการยั่วยุ
การปฏิเสธความรับผิดชอบ
การอ้างแนวป้องกันดินแดนเกินกว่าเขตพรมแดน

ล้วนแสดงถึงการขาดเจตนาในการสร้างสันติภาพเชิงบวก และสะท้อนถึงวัฒนธรรมความหวาดระแวงที่ยังไม่ถูกจัดการผ่านการเจรจา

4. ผลกระทบในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ
พฤติกรรมละเมิดหยุดยิงของกัมพูชาไม่ได้ส่งผลเฉพาะกับไทยเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อเสถียรภาพในอาเซียน เช่น

ทำให้การรวมกลุ่มด้านความมั่นคงของอาเซียนอ่อนแอลง
สร้างความไม่ไว้วางใจในกลไกการเจรจาระหว่างประเทศ
บั่นทอนบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศที่พยายามสร้างสันติภาพในภูมิภาค

5. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

ควรมีการติดตามและประเมินการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงของทั้งสองฝ่ายโดยองค์กรระหว่างประเทศ
ไทยควรยืนยันในหลักสันติภาพเชิงบวกและเสนอการเจรจาแบบพหุภาคี
ภาคประชาสังคมควรมีบทบาทในการเฝ้าระวังและให้ข้อมูลที่โปร่งใส เพื่อสร้างแรงกดดันเชิงบวกต่อทั้งสองรัฐบาล

6. บทสรุป
กรณีการละเมิดการหยุดยิงของกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างคำพูดกับการกระทำในแนวคิดสันติภาพของรัฐ แม้กัมพูชาจะประกาศตนเป็นรัฐที่ยึดมั่นในสันติภาพ แต่พฤติกรรมภาคสนามกลับสวนทางอย่างชัดเจน ดังนั้น การสร้างสันติภาพที่แท้จริงจำเป็นต้องอาศัยทั้งเจตนา ความโปร่งใส และกลไกที่ตรวจสอบได้ ไม่ใช่เพียงคำพูดในเวทีระหว่างประเทศ
 

หน้าแรก » การเมือง