วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568 18:29 น.

การเมือง

วิเคราะห์พฤติการณ์ของกัมพูชาในปริบทสันติวิธี: กรณีปะทะกับไทยจากปัญหาชายแดน

วันพฤหัสบดี ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 08.45 น.

 วิเคราะห์พฤติการณ์ของกัมพูชาในปริบทสันติวิธี: กรณีปะทะกับไทยจากปัญหาชายแดน  โดย ดร.สำราญ สมพงษ์ นักข่าวอาวุโสและนักวิชาการพุทธสันติวิธีสื่อสารมวลชน 

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติการณ์ของกัมพูชาในบริบทของสันติวิธี (Nonviolence Approach) โดยเฉพาะในกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งแม้กัมพูชาจะมีท่าทีสนับสนุนสันติภาพในเวทีระหว่างประเทศ แต่พฤติกรรมที่ปรากฏกลับสะท้อนลักษณะสวนทางกับหลักสันติวิธี เช่น การเคลื่อนกำลังทหาร การปฏิเสธการเจรจาทวิภาคี และการใช้กลยุทธ์ด้านข้อมูลข่าวสารเพื่อสร้างความชอบธรรมฝ่ายเดียว การศึกษานี้อ้างอิงกรอบแนวคิดสันติวิธีของ Johan Galtung โดยเน้นการวิเคราะห์รูปแบบของความรุนแรงทางตรง โครงสร้าง และวัฒนธรรม เพื่อชี้ให้เห็นความย้อนแย้งเชิงยุทธศาสตร์และเสนอแนวทางพัฒนาแนวทางสันติวิธีที่แท้จริง

1. บทนำ
ท่ามกลางความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร พฤติกรรมของกัมพูชาสะท้อนความย้อนแย้งระหว่างนโยบายที่ประกาศยึดมั่นในสันติภาพ กับการดำเนินการในทางปฏิบัติที่อาจขัดกับหลักการนั้น บทความนี้มุ่งศึกษาพฤติการณ์ของกัมพูชาในบริบทดังกล่าวภายใต้กรอบแนวคิดสันติวิธีเพื่อทำความเข้าใจโครงสร้างเบื้องหลังของความขัดแย้ง และแนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน

2. กรอบแนวคิด
การวิเคราะห์ใช้กรอบของ Johan Galtung ซึ่งแบ่งความรุนแรงออกเป็น 3 มิติ ได้แก่
ความรุนแรงทางตรง (Direct Violence): การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างชัดเจน เช่น การใช้อาวุธ
ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง (Structural Violence): ระบบหรือนโยบายที่ก่อให้เกิดความไม่เสมอภาค
ความรุนแรงเชิงวัฒนธรรม (Cultural Violence): การใช้ค่านิยม ความเชื่อ หรือวาทกรรมเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับความรุนแรง
นอกจากนี้ยังใช้แนวคิด “สันติวิธีเชิงรุก (Active Nonviolence)” ซึ่งเน้นการแก้ปัญหาผ่านการเจรจา การไกล่เกลี่ย และกลไกระหว่างประเทศอย่างสันติ

3. ลักษณะพฤติการณ์ของกัมพูชา
3.1 การใช้กำลังทางทหารและการเสริมกำลังชายแดน

แม้จะประกาศสนับสนุนสันติภาพ แต่กัมพูชายังคงเคลื่อนกำลังเข้าสู่พื้นที่พิพาทในหลายกรณี เช่น การเสริมกำลังใกล้ชายแดน การวางยุทโธปกรณ์ในจุดยุทธศาสตร์ สร้างแรงกดดันทางทหารและความตึงเครียดต่อเนื่อง

3.2 การสร้างภาพลักษณ์สันติภาพในเวทีระหว่างประเทศ
กัมพูชามีความสามารถในการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ โดยการยื่นเรื่องต่อองค์กรระหว่างประเทศ ใช้วาทกรรมเกี่ยวกับความสูญเสียเพื่อชี้นำความเห็นสาธารณะโลก สร้างกรอบเรื่องที่ไทยเป็นฝ่ายรุกราน ขณะที่หลีกเลี่ยงการพูดถึงการกระทำของตนที่เป็นต้นเหตุ

3.3 การปฏิเสธการเจรจาโดยตรง
พฤติกรรมปฏิเสธการเจรจาทวิภาคีและเรียกร้องให้บุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง สะท้อนการไม่ไว้ใจและไม่เปิดช่องทางสื่อสารโดยตรง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อสันติวิธีในทางปฏิบัติ

4. วิเคราะห์ในปริบทสันติวิธี
การกระทำของกัมพูชาสะท้อนแนวทาง “สันติวิธีในเชิงวาทกรรม” มากกว่าในเชิงปฏิบัติ กล่าวคือ แม้จะไม่ใช้ความรุนแรงทางตรงอย่างเปิดเผยเสมอไป แต่การใช้กลยุทธ์ด้านการสื่อสาร การบิดเบือนข้อมูล และการใช้อำนาจผ่านกลไกระหว่างประเทศก็ถือเป็นการผลิตความรุนแรงเชิงโครงสร้างและเชิงวัฒนธรรมซึ่งยืดเยื้อความขัดแย้งและลดทอนโอกาสการคลี่คลายด้วยสันติวิธีอย่างแท้จริง

5. ข้อเสนอเชิงนโยบาย
ประเทศไทยควรยึดมั่นในกรอบการเจรจาทวิภาคีโดยเน้นความร่วมมือและไม่เปิดช่องให้กลุ่มภายนอกเข้ามาชี้นำทิศทาง
ควรส่งเสริมการ สื่อสารข้ามพรมแดนในระดับประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจร่วม ลดอคติ และพัฒนาวัฒนธรรมสันติภาพ
ภาควิชาการควรมีบทบาทในการ ถ่วงดุลข้อมูลข่าวสาร ด้วยการนำเสนอข้อเท็จจริงเชิงวิเคราะห์ เพื่อป้องกันการใช้วาทกรรมบิดเบือนความจริง

6. บทสรุป
พฤติการณ์ของกัมพูชาในกรณีปัญหาชายแดนกับไทยสะท้อนถึงความย้อนแย้งระหว่างภาพลักษณ์ที่สื่อสารออกไปกับยุทธศาสตร์เชิงอำนาจในทางปฏิบัติ แม้จะไม่ได้ใช้อาวุธในทุกสถานการณ์ แต่การใช้ความรุนแรงเชิงโครงสร้างและวัฒนธรรมผ่านกลไกต่าง ๆ ทำให้สันติวิธีไม่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง หากไม่มีการปรับท่าทีของรัฐคู่ขัดแย้ง และพัฒนากลไกสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ การเคารพซึ่งกันและกัน และความเสมอภาคในการแก้ปัญหา
 

หน้าแรก » การเมือง