สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชายังตึงเครียดท่ามกลางสงครามข้อมูล! ไทยตอบโต้ข้อกล่าวหาจากกัมพูชาเรื่องใช้แก๊สพิษ–ทิ้งระเบิด ยันเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ขณะ ‘ศบ.ทก.’ เรียกประชุมประเมินสถานการณ์และเตรียมวางแนวทางประชุม GBC หลังคืนที่ผ่านมาไร้เหตุปะทะ  

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้ชี้แจงกรณีสื่อกัมพูชา The Fresh News รายงานว่าไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมจับกุมทหารกัมพูชาจำนวน 20 นาย โดยยืนยันว่าเป็นข้อมูลเท็จ พร้อมระบุว่า ในความเป็นจริงเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ทหารกัมพูชาได้รุกล้ำเข้าเขตแดนไทยและเปิดฉากโจมตีติดอาวุธ ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ตามสิทธิป้องกันตนเอง และควบคุมตัวทหารที่ยอมจำนนไว้ตามหลักสากล

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่าไทยปฏิบัติต่อทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวอย่างมีมนุษยธรรม และจะเร่งดำเนินการส่งกลับหลังเสร็จขั้นตอนทางกฎหมาย โดยการหารือเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นระหว่างแม่ทัพภาคที่ 2 กับผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซียแล้ว

ด้าน พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผอ.สำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคง กองบัญชาการกองทัพไทย ได้โพสต์ข้อความตอบโต้การบิดเบือนของกัมพูชา โดยกล่าวว่าฝ่ายกัมพูชาได้จัดฉากสร้างภาพว่าไทยใช้อาวุธชีวภาพ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง พร้อมระบุว่า กัมพูชาสร้างหลักฐานเท็จ โดยให้เจ้าหน้าที่ใช้ผ้าชุบน้ำและกระเทียมถูจมูก แล้วเชิญสื่อต่างประเทศมาสำรวจพื้นที่ ทั้งที่ข้อกล่าวหาไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์รองรับ และไทยในฐานะภาคีอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธเคมี ก็ยืนยันไม่เคยมีแผนหรือการใช้แก๊สพิษในพื้นที่

“เป็นละครการเมืองที่ล้าหลัง” พล.ต.วันชนะ กล่าว

ในวันเดียวกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อกล่าวหาว่าไทยทิ้งระเบิด MK-84 ใส่เขตกัมพูชา โดย F-16 หรือ Gripen เป็นเรื่องโกหกอย่างไร้ยางอาย พร้อมเปิดเผยว่า ภาพระเบิดที่กัมพูชาเผยแพร่นั้นเป็นระเบิดเก่าที่สหรัฐฯ ทิ้งไว้ตั้งแต่ยุคสงครามเวียดนาม ไม่ใช่ของไทยในปัจจุบัน อีกทั้งเจ้าหน้าที่กัมพูชาในภาพยังแต่งกายแบบไม่มีเครื่องป้องกันใด ๆ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้หากเป็นระเบิดที่เพิ่งตกจริง

"วันนี้กัมพูชาโกหกอะไรอีก" นายจิรายุกล่าวเสริมพร้อมเหน็บว่า “ควรดื่มน้ำขิงก่อนโกหกทุกครั้ง”

สถานการณ์ชายแดนล่าสุดยังคงสงบ

นายจิรายุ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของคืนวันที่ 30 กรกฎาคม จนถึง 07.00 น. เช้าวันที่ 31 กรกฎาคม ยังไม่มีรายงานเหตุรุนแรงตามแนวชายแดนใน 7 จังหวัด ขณะที่หน่วยงานฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง และพลเรือน ยังคงเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด

เช้าวันนี้ ศบ.ทก. ได้จัดประชุมครั้งที่ 24/2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประเมินสถานการณ์ชายแดน และเตรียมความพร้อมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ รวมถึงวางแผนการกลับภูมิลำเนาของประชาชนในพื้นที่

เอกอัครราชทูตไทยประจำ UN โต้กลางเวทีโลก

ในการประชุมระดับสูงว่าด้วยปาเลสไตน์ ณ นครนิวยอร์ก นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ ได้ลุกขึ้นชี้แจง หลังตัวแทนกัมพูชาพาดพิงไทยว่าเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยย้ำว่า หลังจากการเจรจาหยุดยิงผ่านความกลางของมาเลเซียในวันที่ 28 กรกฎาคม กัมพูชากลับเป็นฝ่ายละเมิดก่อนในวันถัดมา

“ไทยยึดมั่นในความจริง และพร้อมใช้ช่องทางทวิภาคีอย่างสันติ” นายเชิดชายกล่าว

สื่อตะวันตกมองข้อตกลงหยุดยิงแค่ชั่วคราว

แพลตฟอร์ม Eurotopics รายงานความคิดเห็นจากหลายสื่อยุโรป เช่น Frankfurter Rundschau ของเยอรมนีที่ตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งไทยและกัมพูชาขาดกลไกประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ทำให้ความไม่ไว้วางใจระหว่างกันยังสูง และข้อตกลงหยุดยิงอาจเป็นเพียงการประวิงเวลา

ด้าน Irish Times จากไอร์แลนด์วิเคราะห์ว่าความขัดแย้งอาจยืดเยื้อ โดยมีเงาอดีตผู้นำอย่างฮุน เซน และ ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยมีความสัมพันธ์แน่นแฟน แต่ปัจจุบันกลายเป็นจุดขัดแย้งซ้อน

ขณะที่ Der Standard จากออสเตรียปฏิเสธบทบาทของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ในฐานะคนกลางสันติภาพ โดยระบุว่านโยบายของเขากลับกระพือความไม่มั่นคง และชี้ว่าสถานการณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเก่าแก่เกินกว่าทรัมป์จะแก้ได้ด้วยเงื่อนไขเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว