วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568 18:17 น.

การเมือง

ประธาน กมธ.ต่างประเทศ เรียกร้องนานาชาติร่วมตรวจสอบความจริงกรณีปะทะไทย–กัมพูชา

วันพฤหัสบดี ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 12.13 น.

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568  นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า หลังเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม คณะกรรมาธิการฯ ได้เร่งเดินสายชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และอีกหลายประเทศในยุโรป รวมถึงจีน รัสเซีย และสหราชอาณาจักร เพื่อให้รับทราบถึงความกังวลต่อความคลาดเคลื่อนของข้อมูลข่าวสารจากทั้งสองฝ่าย

น.ส.สรัสนันท์ ระบุว่า คณะกรรมาธิการฯ ขอความร่วมมือจากมิตรประเทศให้ช่วยติดตามและตรวจสอบความจริงอย่างรอบด้าน เนื่องจากพบว่ามีข้อมูลที่บิดเบือนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก พร้อมเรียกร้องให้ต่างชาติแสดงจุดยืนต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นโดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม

ในประเด็นที่กัมพูชายังคงมีการกระทำรุนแรงแม้หลังข้อตกลงหยุดยิง น.ส.สรัสนันท์ เปิดเผยว่าหลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรปรับฟังข้อมูลจากฝ่ายไทย และมีท่าทีสนับสนุนการยับยั้งชั่งใจของทั้งสองฝ่าย พร้อมยืนยันว่าไทยมีความพยายามอย่างเต็มที่ในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และการตอบโต้มีเฉพาะกรณีป้องกันตนเองเท่านั้น โดยยังไม่ปรากฏภาพความเสียหายหรือผู้เสียชีวิตในฝั่งกัมพูชา ขณะที่ฝ่ายไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังหารือกับหน่วยงานความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวชายแดน อาทิ อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ เพื่อประเมินสถานการณ์ภาคสนามและทิศทางของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา (GBC) ที่จะมีขึ้นในอนาคต

สำหรับข้อเสนอในการฟ้องร้องผู้นำกัมพูชาต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ฐานอาชญากรรมสงคราม น.ส.สรัสนันท์เห็นว่า “สามารถดำเนินการได้ แต่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ” เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีผู้เสียชีวิต และการดำเนินคดีระหว่างประเทศต้องมีหลักฐานชัดเจน อีกทั้งควรประเมินเป้าหมายของไทยให้ชัดเจนว่าจะมุ่งหยุดความรุนแรงหรือกำจัดผู้นำฝ่ายตรงข้าม เพราะแต่ละแนวทางมีผลต่อเสถียรภาพระยะยาว

ท้ายที่สุด น.ส.สรัสนันท์ กล่าวว่าความขัดแย้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นบทบาทของประเทศมหาอำนาจในภูมิภาค โดยเฉพาะจีนและสหรัฐฯ ที่อาจมีนัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งไทยต้องวางตัวอย่างรอบคอบ ไม่เลือกข้างฝ่ายใด แต่พร้อมรับมือกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างเข้มแข็ง

“นี่อาจเป็นเวลาที่ประเทศไทยต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ว่าจะยืนอยู่จุดไหนเพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติ ลดความเสียหาย และรักษาความสัมพันธ์กับนานาชาติอย่างสมดุล” น.ส.สรัสนันท์ กล่าวทิ้งท้าย.


 

หน้าแรก » การเมือง