วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568 18:06 น.

การเมือง

“มาริษ” ยืนยันไทยได้เปรียบเวทีโลก เดินหน้าย้ำข้อมูลแม่นยำ พร้อมทำงานใกล้ชิดกองทัพ

วันพฤหัสบดี ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 15.21 น.

วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 — นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเครือมติชนถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับกรณีดังกล่าวในทุกมิติ โดยเฉพาะในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้แสดงจุดยืนชัดเจนต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) และนานาชาติ ในการประณามการกระทำของกัมพูชา ตั้งแต่เหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดทั้ง 2 ครั้ง รวมถึงการปะทะที่กัมพูชามุ่งเป้าไปยังโรงพยาบาลและพื้นที่พลเรือน

“ขอยืนยันว่าไทยอยู่ในจุดที่ได้เปรียบบนเวทีโลก เพราะข้อมูลเหล่านี้ได้รับการรับรู้ในระดับนานาชาติ และมีความชัดเจนในเชิงข้อเท็จจริง” นายมาริษกล่าว

เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานของกระทรวงการต่างประเทศเป็นไปตามกระบวนการทางการทูต ซึ่งอาจไม่ปรากฏในสื่อหรือรับรู้ในสาธารณะแบบทันทีทันใด แต่ทุกขั้นตอนดำเนินไปโดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก

เดินหน้าพาทูตทหารลงพื้นที่พิสูจน์ข้อเท็จจริง

นายมาริษเปิดเผยว่า ในวันที่ 1 สิงหาคม กระทรวงการต่างประเทศเตรียมนำคณะผู้ช่วยทูตทหารจากประเทศต่าง ๆ ลงพื้นที่ชายแดนภายหลังการหยุดยิง เพื่อสำรวจสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงโรงพยาบาลพนมดงรัก ปั๊มน้ำมัน และบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ห่างจากแนวชายแดนหลายสิบกิโลเมตร

“จากจุดที่เกิดเหตุ เราไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้เลย นอกจากว่าเป้าหมายคือพลเรือนไทยที่บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมโดยตรง” รัฐมนตรีกล่าว

ทั้งนี้ เขายอมรับว่าการตรวจสอบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในเชิงประจักษ์อาจทำได้ยาก แต่จะประสานข้อมูลจากทางกองทัพอย่างใกล้ชิด เพื่อใช้ประกอบการชี้แจงต่อประชาคมโลก

ย้ำประสานงานแนบแน่นกับกองทัพ

สำหรับข้อกังวลเรื่องการทำงานที่อาจไม่สอดคล้องกันระหว่างรัฐบาลและกองทัพ นายมาริษกล่าวชัดว่า ความร่วมมือเป็นไปอย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเช่น การเจรจาที่นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ณ กรุงปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ก็มีการประสานข้อมูลอย่างต่อเนื่องกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และกองทัพ เพื่อให้ข้อตกลงต่าง ๆ เช่น เวลาเริ่มหยุดยิง มีความชัดเจนและเป็นเอกภาพ

ปฏิเสธการแทรกแซงจากประเทศที่สาม

นายมาริษยังยืนยันว่า ไทยยังยึดหลักการเจรจาแบบทวิภาคีกับกัมพูชาอย่างแน่วแน่ โดยไม่เปิดทางให้ประเทศที่สามเข้ามาเป็นตัวกลางแทรกแซง แม้ว่าในการเจรจาที่มาเลเซีย นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะแสดงตนเป็นผู้ประสาน ก็ยังอยู่ในฐานะ “พยาน” เท่านั้น ไม่ใช่ผู้ไกล่เกลี่ย

ย้ำความแม่นยำสำคัญกว่าความรวดเร็วในการสื่อสาร

ท้ายที่สุด นายมาริษกล่าวถึงข้อกังวลจากสังคมในเรื่องความล่าช้าในการสื่อสารข้อมูลว่า ความรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความถูกต้องสำคัญกว่า เพราะข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการยืนยันไม่ควรถูกเผยแพร่ แม้จะมีแรงกดดันจากกระแสข่าวบนสื่อสังคมออนไลน์

“รัฐบาลไม่อาจสื่อสารตามสื่อที่ไม่ต้องรับผิดชอบได้ เราต้องยึดความจริงเป็นหลัก และจะปรับปรุงการสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น” นายมาริษกล่าว

หน้าแรก » การเมือง