วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568 18:30 น.

การเมือง

"สมศักดิ์" ยันโรงพยาบาลไม่ได้ปฏิเสธชาวกัมพูชา   รับกังวลอาจมีสายลับแฝงตัว ปมยกเลิกรักษาล่ามเขมรชั่วคราว

วันพฤหัสบดี ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 15.52 น.

 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568  เวลา 14.40 น. ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าโรงพยาบาลไม่รับผู้ป่วยจากประเทศกัมพูชา ว่า ไม่มีการปฏิเสธการรักษา ซึ่งกรณีของโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี นั้น มีแต่คนไข้ในที่เป็นชาวกัมพูชาและยังรักษาอยู่ ไม่ได้มีการให้เขาออกจากโรงพยาบาลหรือไล่เขาไป ซึ่งโรงพยาบาลยังดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวคือล่ามที่เป็นชาวกัมพูชาแล้วมาปฏิบัติหน้าที่ที่โรงพยาบาล เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย

“แต่หากมีชาวกัมพูชาที่ป่วยฉุกเฉินและต้องการเข้ามารักษาที่ประเทศไทย เราก็รับได้เพราะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน เราไม่สามารถไปทำอะไรที่พิเรนทร์ๆได้ เหมือนบางประเทศที่เขาทำกัน แต่เราไม่ทำ เพราะประเทศไทยอยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่ค่อนข้างมีจิตใจที่สูงส่งกว่าประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศที่เห็นๆอยู่ อะไรที่เป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในหลักสิทธิมนุษยชน เราไม่ทำอยู่แล้ว”นายสมศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า มีกรณีที่ทหารกัมพูชาร้องขอเข้ามารักษาตัวในประเทศไทย เนื่องจากเหตุการสู้รบ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าฉุกเฉินมาก็ไม่เป็นไร เราอย่าไปคิดว่าเขาเป็นทหารหรือไม่เป็นทหาร เราอย่าไปจำกัดสิทธิ์อะไรทั้งสิ้น แต่เขาคงไม่มา เขาจะมาอย่างไร ข้ามชายแดนมาถ้าเป็นทหารก็ถูกจับอีก

เมื่อถามถึงข้อเท็จจริงที่ระงับการทำงานของชาวกัมพูชาที่อยู่ในโรงพยาบาล เพราะกลัวเรื่องที่จะเป็นสายลับใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ขอให้การเจรจาวันที่ 4 ส.ค. จบไปก่อน ผลการเจรจาเป็นอย่างไร และเมื่อบรรยากาศเรียบร้อยดีก็ต้องคุยกันใหม่ว่าจะเอาอย่างไร วันนี้เราต้องฟังกลาโหมเป็นหลัก ต้องให้กลาโหมนำ แล้วเราก็ปฏิบัติตาม

พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก พรรคประชาชน - People's Party ระบุว่า...

ทางเดียวของไทย คือต้องกอดหลักมนุษยธรรมตามกฎหมายสากล แก้นโยบายเลือกปฏิบัติโดยด่วน

จากกรณีที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ออกหนังสือประกาศเรื่องการยกเลิกปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้สื่อสารชาวกัมพูชา และการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชาโดยมีรายละเอียด คือ

1. ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารชาวกัมพูชา และจิตอาสาต่างประเทศ

2. ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว

3. ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา

4. ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนรักษาอยู่ในโรงพยาบาล ให้จำกัดพื้นที่ให้ชัดเจน

มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม ถึง 10 สิงหาคม 2568

พรรคประชาชนมีความเห็นว่า ประเทศไทยจะสามารถหยัดยืนในเวทีนานาชาติได้อย่างภาคภูมิใจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงสถานการณ์การใช้กำลังปะทะกันระหว่างประเทศนั้น ก็ด้วยการยึดมั่นหลักมนุษยธรรมและหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นหลักประกันว่าประเทศไทยจะไม่ดำเนินการใดๆ ที่ทำให้ไทยเสียเปรียบในเวทีระหว่างประเทศ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อนุสัญญาเจนีวา 4 ฉบับ ลงวันที่ 12 สิงหาคม 2492 โดยประเทศไทยได้ลงนามเมื่อปี 2497 ว่าด้วยกฎการทำสงครามและหลักสิทธิมนุษยชนในยามสงคราม โดยเฉพาะ ภาค 2 ข้อ 12 "ผู้สังกัดในกองทัพและบุคคลอื่นที่จะได้กล่าวถึงในข้อต่อไปนี้ ซึ่งบาดเจ็บหรือป่วยไข้ จะต้องได้รับความเคารพและคุ้มครองในทุกพฤติการณ์ บุคคลเหล่านี้ จะต้องได้รับการปฏิบัติและรักษาพยาบาลด้วยมนุษยธรรมโดยคู่พิพาทซึ่งตนตกอยู่ในอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงลักษณะความแตกต่างอันเป็นผลเสื่อมเสียเนื่องมาแต่เพศ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง หรือเหตุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน…"

การเลือกปฏิบัติของโรงพยาบาลในการรักษาผู้ป่วย ถือว่าขัดต่อหลัก International Humanitarian Law จะทำให้ประเทศไทยเสียหายมากในเวทีโลก และเสี่ยงต่อการถูกกัมพูชานำไปขยายผลในเวทีระหว่างประเทศ

พรรคประชาชนได้รับข้อมูลว่ากระทรวงสาธารณสุขและแพทยสภา รวมถึง ศบ.ทก. ได้รับแจ้งเรื่องนี้แล้ว ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งออกแนวปฏิบัติที่ชัดเจนสอดคล้องกับหลักสากล

พรรคประชาชนขอย้ำอีกครั้งว่าความขัดแย้งครั้งนี้เป็นเรื่องระหว่างรัฐต่อรัฐ เราไม่ต้องการให้ความขัดแย้งบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งเกลียดชังระหว่างประชาชนเพราะถึงที่สุดแล้ว ไทยและกัมพูชายังจะต้องกลับมามีความสัมพันธ์ต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีการติดต่อแลกเปลี่ยนทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมต่อไป

หน้าแรก » การเมือง