เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568  พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า เหตุทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด PMN-2 บริเวณปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะ พลทหารอดิศร ป้อมกลาง บาดเจ็บรุนแรงจนขาขวาท่อนล่างขาด ถือเป็นเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดครั้งที่ 6 ในเวลาเพียง 2 เดือน

พปชร.มองว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนอันตรายที่ไม่ควรเกิดซ้ำ และสะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในการดูแลความมั่นคงชายแดนอย่างเป็นระบบ

พรรคเสนอ 6 แนวทางเร่งด่วน เพื่อยุติวิกฤติ ดังนี้

รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการเชิงรุก ไม่ใช่เพียงแค่แถลงการณ์หรือเยียวยาภายหลัง

สร้าง “กำแพงถาวร” ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่ที่มีหลักเขตชัดเจน และมาตรการป้องกันในพื้นที่เสี่ยง

ใช้กฎหมายผลักดันผู้รุกล้ำออกจากเขตแดนทันที พร้อมดำเนินคดีหากไม่ปฏิบัติตาม

ยืนยันสิทธิของคนไทยทุกตารางนิ้ว ทั้งทางการทูต กฎหมายระหว่างประเทศ และมาตรการความมั่นคง

ดำเนินคดีกับนายฮุนเซนฯ ตามกฎหมายไทย และเตรียมข้อมูลสำหรับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)

เร่งสอบสวน 18 ทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัว เพื่อชี้ชัดผู้บังคับบัญชาและดำเนินคดีต่อผู้สั่งการ

พล.ต.ท.ปิยะย้ำว่า “ทุกชีวิตของทหารไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เลี่ยงไม่ได้ แต่คือเสียงเตือนถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในการปกป้องแผ่นดิน”

สำหรับกรณี MOU 43 และ 44 พปชร.ชี้ว่า ไทยปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด แต่ฝ่ายกัมพูชาละเมิดจนต้องมีการประท้วงหลายร้อยครั้ง การยกเลิก MOU สามารถทำได้ทันที และไม่มีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องที่ ICC

“ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่า ประเทศไทยยังมีรัฐบาลอยู่จริงหรือไม่ หากยังปล่อยให้ลูกหลานของเราสูญเสียร่างกายและชีวิตต่อไป คำถามนี้จะกลายเป็นคำตอบที่ขมขื่นสำหรับทั้งชาติ” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวปิดท้าย