วันพฤหัสบดี ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568 04:48 น.

การเมือง

วุฒิสภาผนึกนักวิชาการดึง “งานวิจัย” ลงจาก “หิ้ง” สู่การสร้างชาติรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน

วันพุธ ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568, 15.28 น.

วุฒิสภาผนึกนักวิชาการดึง “งานวิจัย” ลงจาก “หิ้ง” สู่การปฏิบัติได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม จับมือหน่วยงานวิจัยชั้นนำ 18 สถาบันร่วมขับเคลื่อนผลักดันงานวิจัยสู่นโยบายภาครัฐ มุ่งหวังใช้ “งานวิจัย” สร้างงาน สร้างคน สร้างชาติเจริญรุ่งเรืองอย่างมั่นคงยั่งยืน

นายชิบ จิตนิยม อนุกรรมการเสริมสร้างความรู้ในวงงานนิติบัญญัติ วุฒิสภา กล่าวว่า คณะกรรมการวิจัยและพัฒนาของวุฒิสภา ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จัดงาน “วันวิชาการสู่งานนิติบัญญัติ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ” เมื่อวันที่ 8–9 กันยายน 2568 ณ อาคารรัฐสภา โดยมีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง เป็นประธานเปิดการสัมมนาฯ มีเป้าหมายเพื่อสร้างเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ผลักดันงานวิจัยสู่งานนิติบัญญัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและการพัฒนาประเทศ โดยมี สมาชิกวุฒิสภา บุคลาการสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และผู้ปฏิบัติงานของสมาชิกวุฒิสภา เข้าร่วมสัมมนาฯ พร้อมด้วยเครือข่ายหน่วยงานวิจัยกว่า 18 สถาบัน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สถาบันพระปกเกล้า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ม.ราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ม.เกษตรศาสตร์ ม.ราชภัฏสกลนคร ฯลฯ

นายชิบ กล่าวว่าหัวข้อที่สำคัญมากสำหรับการพัฒนาประเทศนั่นคือ บทบาทหน่วยงานเครือข่ายกับการสร้างสรรค์งานวิจัย : สู่การใช้ประโยชน์ในวงงานนิติบัญญัติ เราคงเคยได้ยินคำว่า “งานวิจัยบนหิ้ง” หมายถึงงานวิจัยที่ทำเสร็จ มีการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการและก็จบอยู่แค่ในห้องสมุด ไม่มีใครนำไปใช้ประโยชน์ต่อเพื่อแก้ปัญหาจริงๆในสังคม อย่างไรก็ตามยังมีงานวิจัยสำคัญๆสามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริง เปลี่ยนนโยบาย เปลี่ยนกฎหมาย หรือเปลี่ยนชีวิตประชาชนได้อย่างยั่งยืน

“หัวใจสำคัญของการทำให้งานวิจัยจาก “หิ้ง” ลงมา “สู่พื้น” ได้จริง คือการทำงานร่วมกันของหน่วยงานเครือข่ายวงจรที่ต้องมี 3 กลุ่มหลักทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ได้แก่ 1.กลุ่มผู้ให้ทุน เช่น สกสว. วช. บพข.ที่มีบทบาทจัดสรรเงินทุนและกำหนดทิศทางวิจัย 2.กลุ่มผู้ดำเนินการวิจัย เช่น มหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ลงมือทำวิจัยหาคำตอบเชิงวิชาการ และ 3.กลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ เช่น รัฐสภา กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่นำงานวิจัยไปใช้ในการออกกฎหมายหรือกำหนดนโยบาย

สว.ชิบ กล่าวว่าการใช้ประโยชน์ในวงงานนิติบัญญัติไม่ได้หมายความแค่การออก พระราชบัญญัติ เท่านั้น แต่รวมถึงทุกสิ่งที่ มีผลบังคับใช้ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น พระราชกำหนด มติ ครม. ข้อบัญญัติท้องถิ่น ระเบียบกระทรวง หรือแม้แต่แผนแม่บทแห่งชาติ ซึ่งการแบ่งปันประสบการณ์และมุมมอง ตลอดจนรับทราบบทบาท อำนาจหน้าที่และข้อเสนอแนะต่างๆของเครือข่ายหน่วยงานวิจัยกว่า 18 สถาบัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อวงงานวุฒิสภา

“งานสัมมนาครั้งนี้เราได้เห็นภาพที่ชัดเจนร่วมกันว่า การทำให้งานวิจัยลงจาก “หิ้ง” สู่ “พื้น” และส่งผลต่อการออกกฎหมายได้จริงนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมืออย่างแข็งขันจากทั้ง 3 ภาคส่วน คือ ผู้ให้ทุน ผู้วิจัย และผู้ใช้ประโยชน์ หากทุกหน่วยงานร่วมมือกันอย่างจริงจัง เชื่อว่าเราจะสามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงาน สร้างสะพานที่แข็งแรงระหว่างโลกของงานวิจัยกับโลกของการออกกฎหมาย และทำให้งานวิจัยของไทยทุกชิ้นไม่เพียงแต่วางอยู่บนหิ้ง แต่สามารถลงสู่พื้นเปลี่ยนแปลงสังคมและประเทศชาติได้อย่างแท้จริง” อนุกรรมการเสริมสร้างความรู้ในวงงานนิติบัญญัติ วุฒิสภา กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ คณะกรรมการวิจัยและพัฒนาของวุฒิสภา สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และเครือข่ายหน่วยงานวิจัยกว่า 18 สถาบันได้จัดภาคนิทรรศการ ณ โถงหน้าห้องประชุมวุฒิสภา ชั้น 2 เพื่อแสดงตัวอย่างความสำเร็จผลงานวิจัย อาทิ สกสว.วิจัยเรื่องฝุ่น PM 2.5 นำไปสู่นโยบายการบังคับใช้มาตรฐานไอเสีย Euro 5 มีการห้ามเผาในที่โล่งใน 5 จังหวัดภาคเหนือ อีกตัวอย่างคือ งานวิจัยเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) และผลงานวิจัยของ วว.เรื่องใช้เชื้อรา บำบัดน้ำเสีย งานวิจัยเหล่านี้ถูกรวมเป็น แผนแม่บท BCG และบรรจุใน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13

งานวิจัยของ วช.ที่สำคัญคือ งานวิจัยกัญชาทางการแพทย์ ศึกษาประสิทธิภาพสาร CBD (สารแคนนาบินอยด์ที่ไม่มีฤทธิ์มึนเมา) ในการรักษาโรคลมชักในเด็ก ใช้กัญชาในผู้ป่วยมะเร็ง นำไปสู่การแก้ไข พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ทำให้กัญชาถูกปลดล็อกเพื่อการแพทย์ รวมทั้งงานวิจัยฟื้นฟูชุมชนหลังโควิด-19 ของ วช.ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชนหลังโควิด 120 โครงการทั่วประเทศ พบว่า การเปิดตลาดนัดกลางคืน ช่วยฟื้นเศรษฐกิจชุมชนได้เร็วกว่าการแจกเงิน

บพข.มีงานวิจัย พบว่าน้ำมันพืชใช้แล้วสามารถนำมา รีไซเคิล เป็นไบโอดีเซล ลดการปล่อยคาร์บอนได้ นำไปสู่นโยบาย B20 น้ำมันดีเซลผสมไบโอดีเซลบังคับใช้ในรถบรรทุกตั้งแต่ปี 2563 หรืองานวิจัยวัสดุชีวภาพ (Bioplastic) งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ BIOTEC พัฒนาพลาสติกจาก แป้งมันสำปะหลัง และ เซลลูโลสจากฟางข้าว พบว่า ย่อยสลายได้ใน 6 เดือน ขณะที่พลาสติกทั่วไปใช้เวลา 450 ปี นำไปสู่มาตรการห้ามใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ตั้งแต่ปี 2563

สำหรับ สถาบันพระปกเกล้าในฐานะคลังสมองของสภา มีตัวอย่างงานวิจัยที่ส่งผลต่อการออกกฎหมายโดยตรง เช่น งานวิจัยปฏิรูปการเมืองและกฎหมายเลือกตั้ง งานวิจัยโมเดลการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมปี 2562 งานวิจัยการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านกลไกประชาธิปไตยทางตรง งานวิจัยเรื่อง การเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยประชาชน นำไปสู่การออก พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.2564 กำหนดให้ประชาชนเข้าชื่อ 10,000 คน สามารถเสนอร่างกฎหมายต่อสภาได้

ส่วนมหาวิทยาลัยบูรพามีตัวอย่างงานวิจัยที่ส่งผลต่อนโยบายสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว เช่น งานวิจัยการจัดการทรัพยากรชายฝั่งและปะการัง การฟื้นฟูปะการังด้วยโครงสร้างเทียม งานวิจัยนำไปสู่ ประกาศกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ห้ามทอดสมอเรือในพื้นที่ปะการัง และ แผนจัดการพื้นที่ชายฝั่งแห่งชาติ

หน้าแรก » การเมือง