วันจันทร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2568 01:58 น.

การเมือง

ไทย-กัมพูชาถกนาน 10 ชม.  เคลียร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์  กัมพูชาสัญญากวาดล้างใน 1 เดือน

วันพุธ ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2568, 11.12 น.

การประชุมร่วมไทย-กัมพูชาที่สระแก้วยืดเยื้อกว่า 10 ชั่วโมง สรุปกัมพูชารับแผนกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายใน 1 เดือน ขณะที่ไทยยึดสถิติการแจ้งความออนไลน์เป็นตัวชี้วัดผลลัพธ์  กองทัพภาคที่ 2 เผยตรวจพบการกระทำที่ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา  

เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2568 เวลา 20.00 น. ที่โรงแรมอินโดจีน จ.สระแก้ว พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ PCT แถลงข่าวภายหลังการประชุมกับทาง พล.ต.ท.เซียง ซาริด รอง ผบ.ตร.กัมพูชา เพื่อหารือแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แสกมเมอร์ ใช้เวลาประชุมนานกว่า 10 ชั่วโมงก่อนจะมีการลงนามร่วมกัน 

พล.ต.อ.ธัชชัย  ระบุว่า การประชุมครั้งนี้เป็นต่อเนื่องจากการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชาGBC เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในประเทศกัมพูชาและมาหลอกลวงคนไทย รวมไปถึงการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในกัมพูชา   ที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ที่ย้อนกลับมาสร้างปัญหาอย่างร้ายแรงให้กับคนไทย จนได้รับความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง  โดยไทยได้ส่งข้อมูลฐานคอลเซ็นเตอร์ ให้กับผู้แทนทางกัมพูชา เพื่อให้ทราบว่าทางการไทย มีข้อมูลว่าฐานคอลเซนเตอร์กัมพูชาอยู่ที่ไหน ซึ่งทางการกัมพูชา รับปากว่าจะจัดทำแผนการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ทางการไทยมอบข้อมูลมาให้ ซึ่งผลการปฏิบัติทั้งหมด จะนำไปรายงานที่ประชุม GBC ที่จะประชุมครั้งถัดไป

ส่วนสาเหตุที่การประชุมล่าช้ากว่า 10 ชั่วโมง เนื่องจากว่า รายละเอียดในหนังสือข้อตกลง เป็นสิ่งที่สำคัญ ส่งผลให้มีการเจรจาแก้ไขหลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายได้ข้อตกลงร่วมกัน โดยทางทหารไทยจะมีการติดตามการประเมินผลการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์อย่างใกล้ชิด ด้วยการติดตามจากการแจ้งความออนไลน์ 

ด้านพล.ต.สุรวิทย์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ตนมาร่วมประชุมวันนี้ และอยู่จนการประชุมเสร็จสิ้นการ เป็นภารกิจของกองทัพภาคที่ 1 ต่อจากผลการประชุม GBC ที่เกาะกง พร้อมกันนี้ได้ชี้แจง ว่า ขณะนี้มีข้อมูลปลอมเข้าสู่ระบบออนไลน์ ส่งผลให้ฝั่งประชาชนกัมพูชาตื่นตระหนกรวมไปถึงประชาชนคนไทยด้วย เนื่องจากในคลิป ระบุว่า จะมีการใช้กำลัง บริเวณพื้นที่บ้านหนองจานในวันที่ 26 ก.ย.68 ยืนยันว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลการที่บิดเบือน และตัดต่อ โดยวันที่ตนเองระบุวันที่ 26 นั้น เป็นวันที่ 26 ก.ค. ขณะที่มีการสู้รบกันอยู่

เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ยังระบุว่าอีกว่า  หลังจากนี้จะติดตามการร่วมมือตามข้อตกลง GBC ทั้งเรื่องการเก็บกู้วัตถุรทุ่นระเบิด ในจังหวัดสระแก้ว การแก้ปัญหาพื้นที่บ้านหนองจาน โดยวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย จะมีการหารือร่วมกัน พร้อมกันนี้จะมีการตั้งคณะทำงานชุดเล็กในระดับอำเภอ เพื่อร่วมในการแก้ปัญหา จากนั้นจะนำผลการดำเนินการเข้าที่ประชุม GBC ในครั้งถัดไป 

กองทัพภาคที่ 2 เผยตรวจพบการกระทำที่ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา 

กองทัพภาคที่ 2  รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 68 ที่ผ่านมา พล.ต.จัน โชะเพียะตรา ผู้บัญชาการกองกำลังทหารประจำจังหวัดพระวิหาร ได้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) เข้ามาตรวจสอบพื้นที่บริเวณช่องอานม้า (อนุสาวรีย์ตาอม) อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีแล้วเดินทางกลับ โดยแจ้งให้ฝ่ายไทยทราบล่วงหน้าเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น

ทั้งนี้ ตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้นำกำลังทหารกว่า 50 นาย พร้อมอาวุธปืนพกและอาวุธประจำกายประเภทปืนเล็กยาว เข้ามาในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงฯ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. การพกพาอาวุธเข้ามาในพื้นที่
ฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธประจำกายประเภทป็นเล็กยาว (ปลย.) เข้ามา อันเป็นการละเมิดข้อ 4 ของข้อตกลงหยุดยิงฯ ที่กำหนดชัดเจนว่า "ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด งดกิจกรรมทางทหารที่ล่วงล้ำเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน"

2. การใช้บุคคลที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง
พล.จ.ดาโต๊ะ ปาห์ลาวัลย์ อัสรี บิน ชูคอร์ (Maj.Gen. Dato' Pahlawan Asri bin Shukor) ผู้อำนวยการกองฝึกอบรม กองทัพบกมาเลเชีย เดินทางมาเป็นหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ IOT ทั้งที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยทูตตทหารอาเซียนประจำกรุงพนมเปญ อันเป็นการละเมิดข้อ 12 ของข้อตกลงหยุดยิงฯ ที่ระบุให้การปฏิบัติหน้าที่ของ IOT เป็นไปโดยผู้ช่วยทูตฝ้ายทหารประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประจำการ ณ ประเทศไทยและกัมพูชาเท่านั้น

จากพฤติการณ์ทั้งหมดนี้ เป็นหลักฐานชัดเจนที่สะท้อนถึงการขาดความจริงใจของกองทัพกัมพูชา ในการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงฯ ตามที่ได้ร่วมลงนามไว้ทั้งในกรอบการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดหลักสันติวิธี แต่ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้าง สันติภาพที่ยั่งยืนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
 

หน้าแรก » การเมือง