งานวันสันติภาพโลก 2568 คึกคัก "มจร" โชว์ผลงานสันติศึกษา ผลิต "วิศวกรสันติภาพ"  กว่า 400 คน "พระพรหมบัณฑิต" ยกหลักพุทธศาสนาเชื่อม SDGs ส่วน "ศุภจี"  เสริมพาณิชย์เชื่อมสู่เศรษฐกิจยั่งยืน

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 ณ ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพมหานคร พระพรหมบัณฑิต พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธานสมาคมวันวิสาขบูชาโลก ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "สังคมตื่นรู้ สู่การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว" โดยมี พระเมธีวัชรบัณฑิต  ผู้อำนวยการหลักสูตรสตินวัตกรรมและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) คณาจารย์ พระนิสิต พร้อมด้วย นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงพาณิชย์ ในฐานะนิสิตปริญญาเอก หลักสูตรสตินวัตกรรมและสันติศึกษา มจร  ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย  นายวรเกียรติ สุจิวโรดม เจ้าของโครงการ ชาวนา มหานคร คณะวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิ นิสิตสันติศึกษา ร่วมงานอย่างคับคั่ง

พระพรหมบัณฑิต กล่าวตอนหนึ่งว่า แรกเริ่มตอนที่เปิดหลักสูตรสันติศึกษาขึ้นมา มีการเชิญผู้หลักผู้ใหญ่มาร่วมงาน ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะไปรอดหรือไม่ บัดนี้เปิดมาถึงรุ่นที่ 10 แล้ว มีวิศวกรสันติภาพรับใช้สังคมประเทศชาติไปแล้วประมาณ 400 ท่าน ก็ดีใจว่าเจ้าคุณหรรษาทำได้จนสำเร็จ ทำได้เกินคาด

“หัวข้ออภิปรายวันนี้ชื่อว่า สังคมตื่นรู้ สู่การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว มีบาลีว่า สัทธา พีชัง ตะโป วุฎฐิ แปลว่า ศรัทธาเป็นเมล็ดพันธุ์ เวลาเราจะทำอะไรมันต้องเพาะเมล็ดพันธุ์ก่อน เริ่มจากเล็ก ๆ แล้วไปสู่ความยิ่งใหญ่ ซึ่งตรงนี้เราต้องมีความเชื่อ คือมีศรัทธา แล้วก็มีความเพียรพยายาม ที่บาลีท่านว่า  ตะโป วุฎฐิ ความเพียรเป็นผล คือ เมื่อปลูกเพาะเมล็ดแล้วมันต้องมีความเพียรในการรดน้ำ ดูแลรักษามันจึงจะเจริญเติบโตได้ มีความเพียรยังเดียวไม่พอ มันต้องมีปัญญาคือทำอย่างไร จึงจะผลิตผลออกมาดีด้วย ซึ่งมีบาลีว่า ปัญญา เม ยุคะนังคลัง : ปัญญาเป็นแอกและไถ คือ ต้องมีเครื่องมือในการประกอบความเพียร แต่ท้ายสุดทั้งมวลทั้งมวลคือตกผลึกตรงคำว่า สติ จะคิดจะทำจะพูดอะไรมันต้องมีสติควบคู่กับปัญญาเสมอ เรื่องสันติภาพ พระพุทธศาสนาเราไม่ได้เน้นเฉพาะสันติภาพภายนอกอย่างเดียวเน้นภายในจิตใจด้วย ซึ่งเรื่องนี้สอดคล้องกับอารัมภบทขององค์การสหประชาชาติ ที่ระบุว่า..เนื่องจากความขัดแย้งเกิดจากจิตใจมนุษย์ เหตุนั้นปราการแห่งสันติภาพมันต้องบ่มเพาะที่ใจมนุษย์  ซึ่งวันสันติภาพโลก ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2524 มาแล้ว

ส่วนเรื่องให้สังคมตื่นรู้ การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ท่านทำมาก่อนสหประชาชาติหรือ UN ผ่านเศรษฐกิจพอเพียง คือ ก่อนที่สหประชาชาติประกาศ SDG 17 ข้อ เดิม UNทำแค่ 3 เรื่อง คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์เพิ่มเรื่องวัฒนธรรมเข้ามาด้วย คือ เพิ่มเรื่องจิตใจ เรื่องประเพณี ฐานรากทางจิตวิญญาณเข้ามาด้วย  ซึ่งตอนหลัง UN เพิ่มสิ่งนี้เข้ามา เพียงแต่สังคมไทยไม่ค่อยตระหนักรู้ เพราะเราหลงไหลไปกับกระแสทุนนิยม..”

ขณะที่ก่อนหน้านี้มีการมอบรางวัล “ลมหายใจแห่งสันติภาพ” ประจำปี 2568 แด่ผู้นำ 2 ท่าน คือ พระพรหมบัณฑิตและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน และศิษย์เก่าดีเด่นอีกจำนวน 5 คน

พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นผู้มีผลงานที่โดดเด่นด้านผู้นำทางจิตวิญญาณผู้ผลักดันให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลโดยสหประชาชาติ และผู้ริเริ่มการประชุม UN Day of Vesak ผู้พัฒนาแนวคิด “สันติภาพภายในสู่สันติภาพภายนอก” ที่ทรงคุณค่าต่อสังคมโลก

ขณะ ฯพณฯ ดาโช เชอริง โทบเกย์ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ผู้นำประเทศที่ยึดมั่นในความยั่งยืน ขับเคลื่อนภูฏานสู่สถานะประเทศคาร์บอนเป็นกลาง ส่งเสริมปรัชญา Gross National Happiness (GNH) และสนับสนุนโครงการ Gelephu Mindfulness City (GMC) ให้เป็นเมืองต้นแบบด้านสันติภาพและนวัตกรรม

นอกจากนี้ภายในงานมีการเสวนาโดย ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองด้านสติและสันติภาพ โดยมี คุณนครินทร์ วนกิจไพบูลย์ จาก The Standard เป็นผู้ดำเนินรายการ รวมถึงเวที Peace Talk ที่เปิดพื้นที่ให้เยาวชนและภาคีเครือข่ายร่วมเสนอแนวคิดสร้างสรรค์ด้านสันติภาพ