วันจันทร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568 02:20 น.

การเมือง

ชาวปราจีนฯ จัดขบวนแรลลี่คัดค้าน EEC   ประกาศเดินหน้า 10,000 รายชื่อยื่นนายกฯ

วันอาทิตย์ ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568, 16.23 น.

เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568  เครือข่ายปราจีนเข้มแข็งได้จัดกิจกรรมแรลลี่รวมพลังชาวปราจีนบุรี ไม่เอาEEC  โดยนัดหมายกันตั้งแต่เวลา 7.00 น บริเวณ อุทยานกบินทร์เฉลิมราช ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนขบวน พร้อมมีรถเครื่องขยายเสียง กล่าวให้ข้อมูลความล้มเหลวการบริหารงานที่ผิดพลาดในพื้นที่ 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง โดยเคลื่อนขบวนไปยังจุดสำคัญที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆคู่เมืองปราจีนบุรี ได้แก่ อนุสาวรีย์ลายพระหัตถ์  อ.ศรีมหาโพธิ  อนุสาวรีย์ท้าวอุเทน อ.ประจันตคาม ศาลหลักเมือง อ.เมือง และ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมีชาวปราจีนที่ไม่เห็นด้วยกับการขยายพื้นที่ eec มายังจังหวัดปราจีนบุรี รอร่วมกิจกรรมตามจุดต่างๆ 

นายศุภอรรถ เกตุแก้วมณี ตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง จากอำเภอเมือง กล่าวว่า ในนามเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง พวกเรา..ได้ดำเนินการคัดค้านการนำจังหวัดปราจีนบุรีเข้าสู่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC มาตั้งแต่เริ่มรับรู้ข่าวสารการผลักดันจังหวัดปราจีนบุรีเป็นพื้นที่ขยายของ EEC เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา  ตัวแทนของพวกเราได้เข้าร่วมเวที การประชุมกลุ่มย่อย หรือ Focus Group  เพื่อรับฟังข้อมูลให้เหตุผลการคัดค้าน รวมไปถึงได้ทำหนังสือร้องเรียนและขอเข้าพบเพื่อพูดคุยในทุกช่องทาง ทั้งนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด สำนักงานEEC มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมฯทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อให้ความเห็น ถึงเหตุผลที่ยังไม่ควรขยายพื้นที่ EEC มายังจังหวัดปราจีนบุรี แต่วันนี้ก็ยังไม่มีใครฟังเรา

นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม ตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง จากอำเภอศรีมหาโพธิ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ต่อร่างรายงานผลการศึกษาโครงการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งมีคณะร่วมจัดงานคือ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ และจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งทางเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง เข้าใจว่าคือการจัดเวทีครั้งสุดท้าย เพื่อเขียนรายงานสรุปผล และมีแผนจะเสนอรายงานผลการศึกษาและข้อเสนอแนะฯ ต่อ กพอ.หรือ กรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อพิจารณา ก่อนเสนอต่อ ครม.ในเดือนธันวาคม 2568 ปลายปีนี้ 

ในการจัดเวทีครั้งนี้ ทางเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง ได้รับหนังสือเชิญ ทางระบบเมสเซนเจอร์ของเฟซบุ๊ก ในวันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ.2568 ก่อนการจัดประชุมเพียง 3 วันเท่านั้น แต่เมื่อตัวแทนเครือข่ายฯ เข้าร่วมและขณะกำลังฟังบรรยายอยู่นั้น กลับมีเจ้าหน้าที่อส. มาขอค้นกระเป๋า โดยแจ้งว่าต้องการค้นอาวุธ โดยอาจารย์ที่บรรยายบนเวทีก็ยังบรรยายต่อ ไม่มีท่าทีแสดงความห่วงใยแม้แต่น้อย เหตุการณ์ดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวเผยแพร่ไปทั่วสังคม ดังที่ทุกท่านได้ทราบ เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงความไม่ชอบมาพากล การรับฟังความคิดเห็นที่มีลักษณะบิดเบี้ยวจากหลักการสากล สร้างบรรยากาศคุกคาม หวาดกลัว ให้ผู้เข้าร่วม เพียงเพื่อต้องการดำเนินงานให้ครบตามขั้นตอนก่อนการประกาศผนวกรวมจังหวัดปราจีนบุรีเป็นพื้นที่ขยาย EEC เท่านั้น รวมไปถึงความเร่งรีบเกินความจำเป็นทั้งที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้งบประมาณมหาศาล กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนนับแสนนับล้านของคนทั้งจังหวัด แต่กลับใช้เวลาในการศึกษาเพียงไม่กี่เดือน 

นายสุนทร คมคาย ตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง จากอำเภอกบินทร์บุรี กล่าวว่า วันนี้ทางเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง ขอประกาศยืนยันเจตนารมย์ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองและพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดปราจีนบุรีทุกท่าน ในการเดินหน้าคัดค้านการนำจังหวัดปราจีนฯเข้าร่วม EEC  อย่างถึงที่สุด ตามสิทธิอันชอบธรรมที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินพึงควรกระทำ เราจึงขอเรียกร้องและเชิญชวนพี่น้องชาวปราจีนฯทุกท่าน ช่วยกันร่วมแรงร่วมใจส่งเสียงให้ดังพอ เพื่อปกป้องแผ่นดินอันเป็นถิ่นเกิด เป็นที่ให้ชีวิต เป็นทรัพย์สมบัติของบรรพบุรุษที่ส่งต่อสืบทอดมา เราจะร่วมกันรักษาและปกป้องแผ่นดินของเราจนถึงที่สุด ในเมื่อเค้าปิดกั้นการแสดงความเห็น และไม่รับฟังพวกเราอย่างแท้จริง เครือข่ายปราจีนเข้มแข็งจึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวปราจีนฯทุกท่านร่วมกันลงรายชื่อให้ครบ 10,000 รายชื่อ เพื่อยื่นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ผู้ซิ่งมีอำนาจสูงสุดในคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  ขอให้พี่น้องชาวปราจีนฯ ร่วมแรงร่วมใจกัน 

นางระตะนะ  ศรีวรกุล ตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง จากอำเภอกบินทร์บุรี กล่าวว่า  ขอฝากไปยังผู้ว่าฯคนใหม่ ที่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่ง แทนผู้ว่าฯคนเก่า  เราหวังว่า ท่านจะเป็นคนดี มีหัวใจเอียงข้างประชาชน มีจรรยาบรรณของนักปกครอง เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนและบริหารบ้านเมืองของเราให้เกิดประโยชน์สูงสุด มุ่งเน้นผลประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน และยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชนคนปราจีนบุรี ที่ไม่ต้องการ EEC
 

หน้าแรก » การเมือง