รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรม “ยึดมั่นในหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของธรรมาภิบาล” เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน 

ในวันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 น. พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งมอบนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานในการให้ความช่วยเหลือประชาชนตามภารกิจของกระทรวงยุติธรรม โดยมี นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายการเมือง พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมฯ ณ ห้องประชุม 10-01 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 

ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมโดยมีใจความสำคัญ คือ กระทรวงยุติธรรมมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือประชาชนตามภารกิจของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีความสอดคล้องกับหลักการสำคัญในคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 คือ การยึดมั่นในหลักนิติธรรม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และการบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน โดยขอให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน โดยมีนโยบายหลัก 6 ประการ ดังนี้

1. น้อมนำพระบรมราโชบาย หลักการทรงงาน และการเรียนรู้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมาเป็นหลักสำคัญในการปฏิบัติราชการตามภารกิจหน้าที่ของหน่วยงาน รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ การเผยแพร่และปลูกฝังให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อสังคมไทย รวมทั้งการปกครองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

2. การปราบปรามการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง รวมถึงการหลอกลวงและอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นภัยคุกคามและส่งผลกระทบต่อชีวิตของพี่น้องประชาชนในวงกว้างด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา และยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะคดีพิเศษสำคัญที่ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย 

3. ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สร้างความปลอดภัยทางสังคม ชุมชน ครอบครัว สุขภาพของประชาชนจากสถานการณ์ปัญหายาเสพติด ลดความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหายาเสพติด ปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติดทุกระดับ แก้ไขปัญหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด โดยพัฒนาศักยภาพแกนนำหมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดินในระดับพื้นที่ให้สามารถขับเคลื่อนงานในหมู่บ้าน/ชุมชน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน รวมถึงการยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อลดทอนศักยภาพแหล่งผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ 

4. การยกระดับการให้ความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายและการเยียวยาผู้เสียหายจากเหตุอาชญากรรม คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ลดการละเมิดสิทธิมนุษยชน สร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม และบูรณาการหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เน้นการทำงานเชิงรุกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการงานยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และเป็นธรรม ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการทำงานและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายภาคประชาชนให้มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ สามารถส่งต่อการให้บริการของกระทรวงยุติธรรม และสนับสนุนกระบวนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนโดยเฉพาะปัญหาหนี้สินของประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และใช้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีเชิงรุกเพื่อเปิดโอกาสให้เกิดกระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างลูกหนี้หลังคำพิพากษากับเจ้าหนี้ด้วยความสมานฉันท์ การส่งเสริมบทบาทในการเจรจาไกล่เกลี่ยและการประนอมข้อพิพาทในระดับสากล และเตรียมความพร้อมในการดำเนินกระบวนการฟื้นฟูฐานะของลูกหนี้บุคคลธรรมดาตามกฎหมายล้มละลายฉบับใหม่  

5. พัฒนากฎหมายและระบบงานยุติธรรมให้สอดคล้องกับหลักนิติธรรม มาตรฐานและบรรทัดฐานของสหประชาชาติ ทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม และตรงกับความต้องการของประชาชน พัฒนาศักยภาพบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ ในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน รวมถึงพัฒนางานด้านดิจิทัลของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมให้สามารถร่วมมือกันในการขับเคลื่อนงานด้านกระบวนการยุติธรรมได้อย่างครอบคลุมภารกิจทุกด้านในงานยุติธรรม นำไปสู่การสร้างสภาวะที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมและเสริมสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมเคารพกติกา รวมถึงพัฒนางานนิติวิทยาศาสตร์เพื่ออำนวยความยุติธรรมและการคุ้มครองทางสังคมให้เป็นที่ยอมรับและเป็นไปตามมาตรฐานสากล 

6. ยกระดับระบบการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด โดยพัฒนาแนวทางการดูแลแก้ไขบําบัดฟื้นฟูเฉพาะด้านที่สอดรับกับสภาพปัญหาของผู้กระทำความผิดแต่ละกลุ่ม และการฝึกอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และมีกระบวนการส่งต่อผู้ที่ผ่านการฝึกอาชีพภายหลังพ้นโทษ ให้มีงานทำตรงตามทักษะที่ได้รับการพัฒนาวิชาชีพ โดยให้บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ทั้งในการฝึกอาชีพและกระบวนการส่งต่อการทำงาน เพื่อให้ผู้กระทำผิดกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข และไม่กลับมากระทำผิดซ้ำ รวมถึงกำหนดมาตรการเชิงรุกต่อกลุ่มเสี่ยงที่จะกระทำความผิดเยาวชน เพื่อลดจำนวนผู้กระทำผิดรายใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน