"อนุทิน" มั่นใจพูดคุยสันติสุขคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เข้มป้องกันเหตุเน้นการข่าวปิดช่องทางธรรมชาติ บอกเมื่อได้รับหน้าที่ไม่มีช่วงลองงานต้องทำหน้าที่ได้เลย  พร้อมเผย รมว.ต่างประเทศเตรียมบินมาเลเซียหารือกัมพูชา ยืนยันจุดยืนไทย 4 ข้อไม่เปลี่ยน 

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 เวลา 13.30 น. ที่ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ โดยระบุว่าได้รับฟังรายงานสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมมอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง และให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือความปลอดภัยของประชาชน

นายอนุทินกล่าวว่า การแต่งตั้ง พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นเรื่องที่ตนมั่นใจ เพราะ พล.อ.สมศักดิ์ เคยทำงานร่วมกันมาตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และมีความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพ รวมถึงมีประสบการณ์สูงในด้านความมั่นคง เชื่อว่าการเจรจาสันติสุขจะมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ตนห่วงที่สุดคือความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ส่วนขีดความสามารถของกองทัพไทยและกระทรวงการต่างประเทศนั้นมีความพร้อมเต็มที่ และยืนยันว่าตนเองในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะสนับสนุนทุกภารกิจเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ

สำหรับเหตุการณ์ปล้นทองในจังหวัดนราธิวาสและเหตุระเบิดในจังหวัดยะลา นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 9 อยู่ระหว่างดำเนินการอย่างเต็มกำลัง โดยยอมรับว่าภูมิประเทศในพื้นที่ชายแดนเอื้อต่อการหลบหนีข้ามแดนของผู้ก่อเหตุ จึงสั่งการให้ตั้งจุดตรวจและลาดตระเวนเข้มข้น พร้อมปิดช่องทางธรรมชาติให้ได้มากที่สุด

“เหตุที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนถ่ายกำลังพล อาจเป็นเหตุบังเอิญหรือวางแผนมาก่อนแล้วก็ได้ เราอ่านใจเขาไม่ได้ แต่สำหรับรัฐบาลไม่มีคำว่า ‘ช่วงทดลองงาน’ เข้ามาต้องทำได้เลย ใครทำผิดต้องนำตัวมาลงโทษตามกฎหมายให้เร็วที่สุด” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามถึงการติดตามผู้ก่อเหตุที่หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลจะใช้ทุกกลไกทั้งทางการเมืองและความมั่นคงในการดำเนินการ และฝ่ายนโยบายมีหน้าที่สนับสนุนเต็มที่

ส่วนแผนระยะยาวเพื่อป้องกันการหลบหนีข้ามแดน นายอนุทินกล่าวว่า กองทัพมีภารกิจในการรักษาอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มที่ แม้ไม่มีใครอยากให้ถึงขั้นต้องสร้างแนวรั้ว แต่หากมีการล่วงละเมิดกฎหมายหรือเป็นภัยต่อความมั่นคง ก็พร้อมดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อปกป้องประชาชน

ในส่วนของการเดินทางของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายอนุทินเปิดเผยว่า วันที่ 12 ตุลาคมนี้ รมว.การต่างประเทศจะเดินทางไปมาเลเซียเพื่อพบกับรัฐมนตรีของกัมพูชา ภายใต้การอำนวยความสะดวกของรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเจรจาสันติภาพในภูมิภาค

“ประเทศไทยมองมาเลเซียเป็นประเทศมหามิตร มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นในทุกระดับ และยินดีให้ความร่วมมือในทุกประเด็นที่นำไปสู่สันติภาพ จุดยืนของไทย 4 ข้อยังคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง การพูดคุยเป็นหนทางเดียวที่จะลดความรุนแรงและสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน” นายอนุทินกล่าวย้ำ